ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 57 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 13926 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 1514 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 13 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 3184 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรหดตัวลง 0.6% ในไตรมาส 4 ปี 2555 หลังจากที่ปรับตัวลง 0.1% ในไตรมาส 3 และเมื่อเทียบเป็นรายปี เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัว 0.9% อันเป็นผลมาจากะภาวะหดตัวในประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของภูมิภาคอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี
โดยเศรษฐกิจฝรั่งเศสหดตัวลง 0.3% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2555 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่จีดีพีเยอรมนีในไตรมาส 4 ปี 2555 หดตัวลง 0.6% จากไตรมาส 3 ปีเดียวกัน และจีดีพี เบื้องต้นของอิตาลีในช่วงไตรมาส 4 ปี 2555 หดตัวลง 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ร่วงลง 27,000 ราย แตะระดับ 341,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 360,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัว
หุ้นยูเอส แอร์เวย์ส ลดลง 8 เซนต์ แตะที่ 14.58 ดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่าสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส และสายการบินยูเอส แอร์เวย์ส ได้ทำข้อตกลงควบรวมกิจการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อจัดตั้งสายการบินรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐและเป็นสายการบินที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน โดยหลังจากการควบรวมกิจการแล้ว กลุ่มเจ้าหนี้ กลุ่มสหภาพ และพนักงานของบริษัท เอเอ็มอาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอเมริกัน แอร์ไลน์ส จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หุ้นไฮนซ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอสมะเขือเทศรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 12.07 ดอลลาร์ แตะที่ 72.55 ดอลลาร์ หลังจากบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ และบริษัท 3G Capital ตกลงที่จะเข้าซื้อกิจการของไฮนซ์