บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 150 ล้านบาทเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ภายในโรงพิมพ์ให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งพิมพ์ ขณะที่ใช้เงินลงทุน 150 ล้านบาทจัดงานแฟร์เพิ่มเป็น 6 ครั้ง/ปี จากปีที่ก่อนหน้านี้จัด 3 ครั้ง/ปี และอีกราว 200 ล้านบาทใช้เป็นงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อโปรโมทช่องรายการช่องทีวีดาวเทียม สร้าง awareness แบบครอบคลุมผู้ชมทุกภาคของประเทศ 10 ล้านครัวเรือน ผ่านสื่อในเครือ AMARIN การเดินสายโรดโชว์ และการซื้อสื่อต่างๆ
นางงระริน กล่าวว่า ธุรกิจทีวีของบริษัทฯได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ติดต่อซื้อโฆษณาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากช่องฟรีทีวีไม่ค่อยมีช่วงเวลาว่างให้ลงโฆษณา ส่งผลให้ลูกค้าต้องหาช่างทางใหม่ๆในการลงโฆษณา และทางบริษัทฯก็ได้มีการขายแพ็คเกจแบบ one stop service ทำให้ลูกค้ามีความสนใจมากขึ้น เนื่องจากสามารถลงทุกสื่อในเครือของบริษัทฯได้
สำหรับรายได้ที่เติบโตขึ้นในปีนี้มาจากธุรกิจ Non-Print เป็นส่วนใหญ่ คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15% และเติบโตเป็น 20-25% ภายใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนธุรกิจสิ่งพิมพ์ของบริษัทฯก็ยังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากมีการปรับปรุงเครื่องจักร และเน้นงานพิมพ์ในระดับพรีเมียมที่ยังมีตลาดรองรับอยู่ ส่วนงานพิมพ์ทั่วไป บริษัทฯก็ยังดำเนินการตามปกติ แต่การขายสิ่งพิมพ์อย่างเดียวอาจทำได้ลำบาก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคหันมาเสพสื่อออนไลน์และสื่อทีวีมากกว่า ทำให้บริษัทฯต้องมีการปรับแผนกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางในการลงโฆษณาให้กับลูกค้าหลากหลายแบบ
นางระริน กล่าวว่า บริษัทยังได้เตรียมงบไว้ 1,000 ล้านบาทเพื่อประมูลทีวิดิจิตอล แต่ต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยบริษัทฯคาดหวังการประมูลช่องวาไรตี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมความพร้อม การเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอล โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินสดของบริษัทฯ และจากภายนอกทั้งเงินกู้จากสถาบันทางการเงิน การร่วมเป็นพันธมิตร หรือการออกหุ้นเพิ่มทุน เป็นต้น
ขณะเดียวกันในปีนี้มองภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อออนไลน์จะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากจากการเปิดดำเนินการ 3G ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึง คอนเทนท์ได้มากขึ้นและสะดวก ทีวีดาวเทียมก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเข้าถึงลูกค้ากว่า 110 ล้านราย ส่วนในด้านธุรกิจสิ่งพิมพ์คาดว่าจะยังมีตลาดรองรับอยู่ แต่อาจจะไม่มากเท่ากับทีวีและสื่อออนไลน์ โดยจะเติบโตปีละ 5-7%
"ราคาหุ้นที่ขึ้นไปอยู่ที่ 27 บาทกว่า คาดว่ามาจากผลประกอบการในไตรมาส 1-3/55 ออกมาดี และมีกำไรออกมาในระดับดีเช่นกัน เมื่อปลายปี 55 ได้เปิดเผยเกี่ยวกับการเปิดช่องทีวี ทำให้นักลงทุนเกิดความสนใจเกี่ยวกับธุรกิจทีวีของบริษัทฯมากขึ้น ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทฯปรับตัวขึ้นมากจากที่ เดือน มิ.ย.55 อยู่ที่ 13-14 บาท"นางระริน กล่าว