บริษัทได้ยื่นขอต่อกระทรวงพลังงานในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 10 โครงการ กำลังการผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ เหตุผลที่หันมาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เพราะเห็นว่ารัฐบาลส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งในส่วนบริษัทยังสนใจเพียงการสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานลม หรือโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ
นอกจากนี้ TSE มีแผนจะขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคอาเซียนภายใน 2 ปี โดยมองที่ประเทศพม่า เนื่องจากเป็นประเทศเปิดใหม่ที่ยังขาดแคลนพลังงาน
"ในปีนี้ ขอทำธุรกิจในประเทศให้แข็งแรงก่อนซึ่งภายในมิถุนายนนี้จะมีโรงไฟฟ้า 10 โครงการ หลังจากนั้นจะสร้างโรงงานได้มากขึ้น"นายประชา กล่าว
ด้านนางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน TSE กล่าวว่า บริษัทหวังได้ใบอนุญาตเปิดโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ คาดว่าทางการจะออกใบอนุญาตได้ภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 7-8 พันล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาในการระดมเงิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแผนระดมทุน คาดว่าจะได้ความช้ดเจนภายในครึ่งแรกปี 56 โดยมีทางเลือกทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยแผนระดมทุนจะสอดคล้องกับแผนการใช้เงิน
สำหรับโครงการไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 2 เฟส 10 โครงการมูลค่าลงทุนกว่า 7 พันล่านบาท คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 4-5 ปี ในขณะที่การลงทุนตั้งเป้าผลตอบแทนการลงทุน(IRR ) ประมาณ 15-18%