บลจ.กสิกรไทย ขายกองทุนตราสารหนี้ตุรกี 3-6 เดือน ชูผลตอบแทน 2.8-3%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 18, 2013 12:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ฟอร์เรน โน้ต 3 เดือน เอ (KFN3MA) ประมาณการอัตราผลตอบแทน 2.80% ต่อปี พร้อมด้วยกองทุนเปิดเค ฟอร์เรน โน้ต 6 เดือน บี (KFN6MB) ประมาณการอัตราผลตอบแทน 3.00% ต่อปี ในวันที่ 19-25 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน

โดยทั้ง 2 กองทุนข้างต้นจะเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนได้กระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากตราสารหนี้ในประเทศตุรกี ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย คัดเลือกมาช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยทรงตัวทั่วโลก

“ตราสารหนี้ในประเทศตุรกี เป็นทางเลือกใหม่สำหรับสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจตุรกีในภาพรวมยังคงมีเสถียรภาพ โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดประเทศหนึ่งของโลก แม้ในปีที่ผ่านจะชะลอลงมาบ้าง แต่ก็ยังสามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงเศรษฐกิจโลก"นายนาวิน กล่าว

นอกจากนี้ รายได้ต่อหัวของประชากรก็ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับเดียวกัน ทั้งยังมีระบบการเงินการธนาคารที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เห็นได้จากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธนาคารในประเทศตุรกีที่อยู่ที่ประมาณ 16% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากลที่กำหนดไว้เพียงแค่ 8.50% เท่านั้น ในขณะที่อัตราส่วนหนี้เสีย หรือ NPL ของระบบธนาคารก็ยังอยู่ในระดับต่ำเพียงประมาณ 2.70%

โดยอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอยู่ที่ระดับ BBB- ส่วนตราสารหนี้ของประเทศตุรกีที่ บลจ. กสิกรไทย เตรียมเข้าไปลงทุนในโดยในเบื้องต้น มีอันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH สูงกว่าอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศตุรกี ประกอบด้วย ตราสารหนี้ของ Garanti Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศตุรกี และตราสารหนี้ของ Akbank ซึ่งเป็นธนาคารที่มีอันดับผลกำไรมากที่สุดในตุรกีอันดับ 1 และ 2 ตลอดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผู้ลงทุนจึงเชื่อมั่นในคุณภาพของตราสาร

สำหรับกองทุน KFN3MA อายุโครงการประมาณ 3 เดือน ตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในเบื้องต้น ประกอบด้วย ตั๋วแลกเงิน Garanti Finansal Kiralama A.S., (BBB/Fitch) และเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) ร่วมด้วยตั๋วแลกเงิน Sberbank, ประเทศรัสเซีย (BBB/Fitch) ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล (BBB-/Fitch) และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (A+/Fitch)

ด้านกองทุน KFN6MA มีอายุ 6 เดือน จะมุ่งลงทุนในตั๋วแลกเงิน Garanti Finansal Kiralama A.S. (BBB/Fitch) และ เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) ร่วมด้วยตั๋วแลกเงิน Sberbank, ประเทศรัสเซีย (BBB/Fitch) ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล (BBB-/Fitch)และเงินฝาก Emirates NBD Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (A+/Fitch) ทั้ง 2 กองทุนข้างต้นมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

สำหรับกระแสตอบรับกองทุนในกลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ นายนาวินกล่าวว่า ยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนชัดว่าผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนักยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเช่นนี้อยู่ ซึ่งบลจ. กสิกรไทย ถือเป็นโอกาสที่ท้าทายสำหรับการเฟ้นหาตราสารหนี้คุณภาพดีในประเทศต่างๆ เข้ามาในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ลงทุนท่ามกลางทิศทางดอกเบี้ยซบเซาต่อไป โดยจะยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนต่อเนื่องทุกสัปดาห์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ