ส่วนอัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin) น่าจะสูงกว่าปี 55 ที่มีอัตราอยู่ที่ 6.7% แต่คงไม่ถึงตัวเลขสองหลัก เนื่องจากในปี 56 จะมีเกิดค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังจากการซื้อเครื่องจักรใหม่
"Net Margin จะดีกว่า 6.7% เพราะเราสามารถใช้ capacity ที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เมื่อ volume โต ค่าใช้จ่ายไม่เพิ่มกำไรก็จะสูงขึ้น"นายสมชัย กล่าว
ในปีนี้ บริษัทจะใช้งบ 700 ล้านบาท ลงทุนอุปกรณ์ถ่ายเทความเย็นความร้อน (Heat exchager) ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศในรถยนต์และในบ้าน โดยใช้งินลงทุน 400-500 ล้านบาท ตั้งอยู่ในจ.ระยอง เริ่มผลิตสินค้าตัวอย่างในปลายปี 56 และเริ่มรับรู้รายได้ต้นปี 57
ส่วนอีก 150 ล้านบาท จะซื้อเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนพลาสติก และ 50 ล้านบาท ใช้ซื้อเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ แหล่งเงินมาจากกระแสเงินสด และ เงินกู้
"ที่ตั้งเป้ายอดขายโต 20% ยังไม่รวมธุรกิจใหม่ ที่จะเกิดประมาณปลายปีนี้และยังไม่รวม Joint venture และ M&A "ประธานกรรมการบริหาร SNC กล่าว
ส่วนการจ่ายเงินปันผลในงวดปี 56 คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 1.60 บาท ถึงแม้ในปี 56-57 จะมีการลงทุนเพิ่มเติม
สำหรับปัญหาค่าแรงนายสมชัย กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบไปตั้งแต่ปี 55 และปี 56 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ส่วนเงินบาทที่แข็งค่า มองว่ามีทั้งข้อดีข้อเสียกับบริษัท โดยข้อเสียจะกระทบต่อ ออเดอร์เดิมบางส่วน ที่ลูกค้ามีโอกาสย้ายคำสั่งไปยังประเทศที่ค่าเงินอ่อน แต่ข้อดีคือ หากเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง และคู่แข่งอาจลดลง