ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 56 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 55 ที่ 1.58 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกยังได้รับผลดีจากนโยบายรถคันแรกที่ยังมีคำสั่งซื้อที่รอการส่งมอบเป็นจำนวนมาก และการปรับขึ้นราคาอีก 5-10% โดยการปรับราคาขึ้นมาจากการการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น และค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าเงินบาท บริษัทได้มีการประกันความเสี่ยงไว้ 20 ล้านเหรียญ ซึ่งครอบคลุมถึงไตรมาส 1/56 ส่วนกรณีการขึ้นค่าแรงนั้น บริษัทไม่มีผลกระทบเรื่องต้นทุนค่าแรงมากนัก เนื่องจากค่าแรงของบริษัทได้ขึ้นไปเกินค่าแรงขั้นต่ำแล้ว
นายสมพล กล่าวว่า จะพยายามรักษา GP ในแต่ละปีให้มีอัตราโตเฉลี่ย 30% โดยการเลือกรับออร์เดอร์ที่ให้มาร์จิ้นสูง เช่น การรับออร์เดอร์จากค่ายรถยนต์จากต่างประเทศ และการเพิ่มไลน์การผลิตการพ่นสี และการขยายตลาดไปทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทยัมีการศึกษาเปิดตลาดรถยนต์เกาหลี เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมาร์เก็ตแชร์ทั่วโลก ซึ่งรถยนต์เกาหลีเป็นที่นิยมมากในตลาดอเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และตอ.กลาง เนื่องจากมีราคาถูก
และบริษัทยังเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม จากฐานลูกค้าที่มีอยู่ 112 ประเทศ โดยในปีนี้บริษัทมีการรับงาน OEM จากค่ายรถแลนด์โรเวอร์ มูลค่า 56 ล้านบาท สัญญา 3 ปี, ค่ายซูซูกิ 7 ล้านบาท สัญญา 10 ปี, ค่ายวอลโว่ 5 ล้านบาท สัญญา 3-5 ปี และรับผลิตชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าให้โตชิบา มูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท
นายสมพล กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศปีนี้ คาดว่าจะลดลงประมาณ 10% จากตลาดรวมในปี 55 มีที่มีการผลิต 1.4 ล้านคัน แต่ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านคัน ส่วนตลาดต่างประเทศคาดว่าจะโตประมาณ 5%