กองทุนดังกล่าวมีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารแห่งหนี้และเงินฝากในประเทศหรือต่างประเทศ อายุประมาณ 1 ปี และที่เหลือจะลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น (Asia Pacific ex. Japan) ไม่เกิน 25% ผ่านกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น
กองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากและกองทุนตราสารหนี้ แต่ยังคงเน้นการลงทุนในแบบที่มีความเสี่ยงไม่สูงนัก โดยมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 6% โดยได้ทำการเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 27 ก.พ. 2556
“เรามองว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น เป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติสนใจและเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางเอเชียเหนือ เนื่องจากราคาหุ้นถูก และนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อเศรษฐกิจของเอเชียเหนือหลังจากมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปมากขึ้น และส่งผลให้ตลาดหุ้นดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะ Outperform ได้ในปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง รวมถึงเป็นภูมิภาคที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งได้ประโยชน์ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้น และราคาหุ้นยังคงมี Upside อีกมากกว่า 20%
ดังนั้นการลงทุนซึ่งมีการผสมหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นอยู่ด้วยนั้นจึงนับเป็นทางเลือกที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนในพอร์ตการลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งการลงทุนผ่าน “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3F" นี้ จึงเป็นการตอบโจทย์การลงทุนได้เป็นอย่างดี" นายสาห์รัช กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3F มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 6 % โดยจะเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) ตั้งแต่วันนี้ - 27 ก.พ. 2556 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท