(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงตามตปท. หลังเฟดส่งสัญญาณลดพอร์ตมาตรการกระตุ้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 21, 2013 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักเชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งลง รายงานการประชุมของเฟดครั้งก่อนส่งสัญญาณอาจมีการลดพอร์ตมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง ทำให้ตลาดหุ้นโลกเมื่อคืนทั้งยุโรปและอเมริกาปรับลง นักลงทุนเป็นห่วงเรื่องสภาพคล่องที่เคยอัดฉีดเงินเข้ามาเดือนละ 85 พันล้านเหรียญสหรัฐ อาจหายไปหรือลดลงกว่าเดิม จึงมีการขายสินทรัพย์เสี่ยงและทำให้ทิศทางค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็คงจะปรับลงด้วย หลังปรับขึ้นมาค่อนข้างรวดเร็วช่วง 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับลงประมาณ 0.3-0.4%

"การอ่อนตัวลงเป็นจังหวะซื้อโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาฯ คาดหวังผลประกอบการไตรมาส 4 และเงินปันผล เพราะหุ้นกลุ่มอสังหาฯเงินปันผลดีมากกว่า 3%" นายอภิชาติ กล่าว

พร้อมให้แนวรับที่ 1,535 และ 1,530 จุด แนวต้าน 1,550 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(20 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,927.54 จุด ลดลง 108.13 จุด(-0.77%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,511.95 จุด ลดลง 18.99 จุด(-1.24%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,164.41 จุด ลดลง 49.19 จุด(-1.53%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 63.55 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 281.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 8.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 10.14 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 9.27 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.04 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 29.50 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(20 ก.พ.) 1,546.64 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด(+0.95%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 337.54 ล้านบาท เมื่อ 20 ก.พ.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(20 ก.พ.)ที่ 94.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง2.20 ดอลลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(20 ก.พ.)ที่ 10.68 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 29.86/88 แนวโน้มอ่อนค่า นลท.วิตกสหรัฐฯชะลอมาตรการ QE
  • นายกฯสั่ง"กิตติรัตน์"หารือธปท. หากค่าบาทแข็งส่งผลกระทบ หลังกนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.75% เหตุเศรษฐกิจเติบโตเกินคาด เงินเฟ้อขยับจากราคาน้ำมัน ธปท.พร้อมงัดมาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้า "มาร์ค ฟาเบอร์" หนุนขึ้นดอกเบี้ย ขณะ"ประสาร"นัดถก "กิตติรัตน์"วันนี้
  • "พงษ์ศักดิ์" ห่วงวันที่ 5 เม.ย.เสี่ยงไฟดับ สูงสุด กำลังสำรองไฟฟ้าเหลือเพียง 750 เมกะวัตต์ เตรียมน้ำมันเตา 86 ล้านลิตร และดีเซลอีก 47 ล้านลิตร ปั่นไฟฟ้าเพิ่ม คาดกระทบค่าเอฟที เพียง 0.48 สตางค์ ส่งผลประชาชนรับค่าไฟเป็น 4.18 บาทต่อหน่วย ห่วงกทม.-ภาคใต้ไฟฟ้าตก ประสาน กฟน.-กฟภ. ปรับแรงดันไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ นักวิชาการแนะเพิ่มแผนบริหารความเสี่ยงในแผนพีดีพี 2013 "กฟภ." วาง 2 มาตรการดับไฟรับฉุกเฉิน
  • นักธุรกิจไทยเตือนผู้ประกอบการที่ไปลงทุนพม่าให้ระมัดระวัง หลังจากรัฐบาลพม่าประกาศยึดที่ดินนักธุรกิจพม่ากลับมาเป็นของรัฐ ส.อ.ท. ชี้ การถือครองที่ดินเป็นเงื่อนไขสำคัญในการตัดสินใจลงทุน เผยราคาที่ดินในย่างกุ้งพุ่งขึ้นเร็ว หอการค้าจังหวัดระนอง ระบุ ทางการพม่าเตรียมจัดโซนนิ่งการใช้ที่ดินในพื้นที่ย่างกุ้งใหม่ ยึดโมเดล "กรุงเทพฯ-สิงคโปร์" ต้นแบบ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TASCO (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท/หุ้น ผู้บริหารตั้งเป้าปริมาณขายในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องอีก 15% เป็น 1.52 ล้านตัน และ จะเพิ่มเป็น 2 ล้านตันในปี 2558 โดยปัจจุบันมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น จากมีการนำวิธี Four-ways collar option มาใช้ คาจจะทำให้อัตรากำไรดีขึ้น
  • BBL (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 232.00 บาท/หุ้น BBL ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปี 56 ที่ระดับ 6-8% (Corporate 6-8%, SME 9-11%, Retail 10-12%, ต่างประเทศ 3-5%) ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวยังไม่รวมปัจจัยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะยังไม่เห็นการเบิกจ่ายเงินลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในปี 56 นี้ ขณะที่ด้าน NIM คาดทรงตัวที่ระดับ 2.5-2.6% ขณะที่ Fee income คาดเติบโต 10%, Cost-to-income ratio คาดลดลงมาอยู่ที่ 42-43% และค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองทรงตัวที่ระดับ 6.5-7.0 พันล้านบาท
  • MSC (เกียรตินาคิน) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 7.45 บาท/หุ้น ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ 232 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.65 บาท เพิ่มขึ้น 5% และประมาณการกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยต่อปี 8% (CAGR ปี 2556-2558) โดยมีปัจจัยหนุนจากการปรับตัวของภาคธุรกิจรองรับปริมาณการใช้งานข้อมูลที่เพิ่มขึ้นและเตรียมพร้อมสู่ AEC ทำให้องค์กรต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เรามองเห็น Upside ส่วนเพิ่มจากโอกาสเติบโตจากธุรกิจซอฟต์แวร์และโซลูชั่นจะเป็นบวกต่อการเพิ่มอัตรากำไร นอกจากนี้บริษัทมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลที่ดี ทำให้เราปรับสมมติฐานการจ่ายเงินปันผลเป็น 57% คาดว่าปีนี้จะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.38 บาท (yield 6%)
  • BTS (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท/หุ้น ภาพระยะยาวของ BTS จะเห็นโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจรถไฟฟ้า ขณะที่ภาพระยะสั้นการปรับค่าตั๋วโดยสาร และ Sentiment เชิงบวกที่ได้รับจากดีเอสไอ คาดจะทำให้ราคาหุ้นตอบรับในเชิงบวกเช่นกัน ขณะที่แผนในการ Unlock asset value บนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีโอกาสจะสร้าง upside ได้อีกราว 1.7 บาท/ หุ้น ก็เป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ