ส่วนจำนวนบัญชีผู้ซื้อขายอนุพันธ์ (TFEX) จากสิ้นปี 55 อยู่ที่ 8 หมื่นบัญชี ในปี 56 เพิ่มอีก 2.2 หมื่นบัญชี และสิ้นปี 58 อยู่ที่ 1.67 แสนบัญชี รวมถึงแผนการเพิ่มผู้ลงทุนหน้าใหม่ ผ่านความร่วมมือระหว่างตลท.และสถาบันการเงิน เช่น โครงการ Banker to Broker และ Insurance to Broker และเสริมคุณภาพแก่ผู้ลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้จะเพิ่มการซื้อขายหุ้นแบบออนไลน์ (Online Trading) มากขึ้น โดยเฉพาะจำนวนผู้ลงทุนรายย่อย ซึ่งมีสัดส่วน 62% ของทั้งตลาด ซึ่ง ม.ค.55 มีสัดส่วนการซื้อขายที่ 50.67% เพิ่มเป็น 51.6% ของมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อย และสิ้นปี 56 ตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 55%
สำหรับการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนลูกจ้างในกองทุนฯราว 2.5 ล้านคน จากนายจ้าง 12,000 แห่ง คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ 6.7 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีการลงทุนในหุ้น 12-13% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 15% ภายในปี 56 และเพิ่มเป็น 20% ในปี 58 ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการลงทุนในระยะยาว โดย ตลท. จะได้มีการให้ความรู้และส่งเสริมการทำความเข้าใจกับคณะกรรมการลงทุนของกองทุนในหน่วยงานต่าง ๆ โดยยกกรณี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนในหุ้นถึง 30% จากเพดานที่กำหนดไว้ที่ 40%
นางเกศรา กล่าวอีกว่า เป้าหมายของมูลค่าการซื้อขายหุ้นในปี 55 ตั้งไว้ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท/วัน แม้ในช่วง ม.ค.56-ปัจจุบัน มีมูลค่าการซื้อขายเกินกว่าเป้าหมายแล้ว อยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท/วัน แต่ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งจะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์การซื้อขายต่อไป
ขณะที่ เป้าหมายปริมาณการซื้อขายใน TFEX ปี 56 อยู่ที่ 5 หมื่นสัญญา/วัน แม้ช่วง ม.ค.56-ปัจจุบัน มีปริมาณการซื้อขายที่ 5.7 หมื่นสัญญา/วัน ทั้งนี้เป้าหมายปี 57 อยู่ที่ 7 หมื่นสัญญา/วัน และปี 58 อยู่ที่ 1 แสนสัญญา/วัน
ส่วนการเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ในปี 55 มีจำนวน 610 หลักทรัพย์ และปี 56 คาดว่าจะมีเสนอขาย 1,000 หลักทรัพย์ โดยจะมีการปรับเกณฑ์การไฟลิ่งให้เร็วขึ้น จากเดิมใช้เวลาดำเนินการ 10 วัน เหลือ 2 วัน คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 3/56