ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 41 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 13887 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 1506 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 12 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 3152 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงเพราะได้รับแรงกดดันหลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่เฟดยังคงมีความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกันเกี่ยวกับระยะเวลาและปริมาณการซื้อพันธบัตร โดยกรรมการบางคนของเอฟโอเอ็มซีกล่าวว่า โครงการซื้อพันธบัตรอาจจำเป็นต้องยุติก่อนที่อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและยูโรโซน โดยผลสำรวจของมาร์กิตแสดงให้เห็นว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นภาคการผลิตของยูโรโซนในเดือนก.พ.ลดลงสู่ระดับ 47.8 จาก 47.9 ในเดือนม.ค. เช่นเดียวกับดัชนี PMI เบื้องต้นภาคบริการที่หดตัวลงแตะ 47.3 จาก 48.6 ในเดือนก่อนหน้า
ผลสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่าดัชนี PMI เบื้องต้นทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนต่างก็หดตัวรุนแรงขึ้น โดยดัชนีปรับตัวต่ำกว่า 50 ซึ่งแสดงถึงภาวะหดตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ
ดัชนี PMI เบื้องต้นของยูโรโซนที่ย่ำแย่ลงสอดคล้องกับข้อมูล PMI เบื้องต้นของประเทศขนาดใหญ่ในภูมิภาคอย่าง ฝรั่งเศส ซึ่งแม้ว่าดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของฝรั่งเศสต่างก็หดตัวรุนแรงขึ้น
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่ากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.พ. เพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 362,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 360,750 ราย
หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปรับตัวลง 0.5% ขณะที่ตลาดจับตาดูผลประกอบการของบริษัท
ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด