ขณะที่โครงการใหม่ๆของภาครัฐที่จะทยอยออกมาในปีนี้ รวมทั้งงานเอกชน บริษัทก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลเพิ่มเติมเช่นกัน
นายประทีป กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจคอนกรีตปี 56 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการก่อสร้างทั้งในส่วนของโครงการภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ และโครงการภาคเอกชนที่มีการลงทุนโครงการก่อสร้างในหลายภาคธุรกิจ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิต ทั้งนี้การขยายตัวของภาคก่อสร้างดังกล่าว ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทโดยตรง เนื่องจากทำให้ความต้องการใช้งานคอนกรีตรูปแบบต่างๆมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของคอนกรีตสำเร็จรูปซึ่งเป็นวัสดุทดแทนแรงงาน
"ในปีนี้เราจะพยามรักษาระดับมูลค่างานในมือให้อยู่ในระดับเดิมต่อเนื่อง เพื่อให้การรับรู้รายได้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ" นายประทีป กล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือ เติบโตประมาณ 15-20% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่เกณฑ์ที่ดีใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจะเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) มากขึ้น ตามแนวโน้มความต้องการวัสดุทดแทนแรงงานของกลุ่มลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทจะมีการปรับปรุงพื้นที่การผลิตของโรงงาน ตลอดจนกระบวนการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อให้การผลิตคอนกรีตรูปแบบต่างๆมีปริมาณมากขึ้น สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ ส่งมอบได้ตรงกำหนดการใช้งาน ตลอดจนเป็นการลดต้นทุนการดำเนินงานของบริษัท “ปัจจุบันโครงการก่อสร้างไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่มีการกระจายออกไปในเขตพื้นที่อื่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตภาคตะวันออก มีการขยายตัวของโครงการรูปแบบต่างๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งภาวะดังกล่าวส่งผลดีกับ CCP เนื่องจากเป็นผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่ของเขตภาคตะวันออกที่มีศักยภาพในการผลิตและขนส่ง รองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น"นายประทีป กล่าว