ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก"สกายไฮเน็คเวิร์ค" มาเป็น "คูล ลิซึม" ที่มีคลื่น คูล ฟาเรนไฮท์ เป็นคลื่นที่มีผู้ฟังอันดับหนึ่งมีจำนวนผู้ฟังทุกช่องทางกว่า 3 ล้านราย และได้เปิดตัวสถานีใหม่ "คูลเซลเซียส 91.5 "โดยได้ซื้อลิขสิทธิคอนเท้นท์จากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการรายการอันดับเพลงของอเมริกัน TOP 40
“การเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น บริษัท คูลลิซึ่ม จำกัด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะจะเป็นการก้าวข้ามกรอบการดำเนินธุรกิจของเรา 15 ปีที่ผ่านมา วันนี้ธุรกิจภายใต้ชื่อสกายไฮฯ กำลังเปลี่ยนไป คงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเป็นธุรกิจด้านสื่อวิทยุเท่านั้น แต่เป็นการขยายแบรนด์ไปสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ และเป็นการเชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แบรนด์ COOL ที่ประสบความสำเร็จในตลาดแล้ว โดยมีคลื่นคูล ฟาเรนไฮท์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของสถานีเพลงไทย ซึ่งนอกจากจำนวนผู้ฟังล่าสุดจากการสำรวจของนีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช กว่า 1.2 ล้านคนแล้ว เรายังสำรวจพบสถิติว่ามีจำนวนผู้ฟังผ่านออนไลน์ถึง 1.5 ล้านคน และฟังผ่านแอพพลิเคชั่นราว 8 แสนคน ซึ่งเป็นช่องทางใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายคมสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะได้ใช้โมเดลการดำเนินธุรกิจที่มีแพลตฟอร์มหลากหลาย ตามพฤติกรรมของผู้ฟังที่เปลี่ยนแปลงไปเชื่อมต่อไปสู่การเปิดตัวสถานีเพลงสากลน้องใหม่ COOLcelsius 91.5 (คูล เซลเซียส) ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของสถานีเพลงในเมืองไทย ที่นำลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ การรายงานอันดับเพลง American Top 40 โดยพิธีกรชื่อดัง Ryan Seacrest (ไรอัน ซีเครสท์) ส่งตรงจากฮอลลีวู้ดสู่ประเทศไทยและออกอากาศพร้อม 150 สถานีทั่วโลก
นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนชื่อผู้จัดรายการใหม่จากเดิมเรียก “PJ" (Program jockeys ) มาเป็น “COOLJ" (COOL jockeys) ในส่วน COOLlatitude ยังคงเป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอดความสำเร็จมาจากการจัดทริปท่องเที่ยวให้กับผู้ฟังของรายการ และยังได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรทให้ดีไซน์ทริปท่องเที่ยวให้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อผลักดันคลื่นวิทยุของคูลลิซึ่มให้อยู่ในใจผู้ฟัง คาดว่าปีนี้คลื่นคูลเซลเซียสจะมีรายได้ 133 ล้านบาท ส่วนคลื่นคูล ฟาเรนไฮต์ ตั้งเป้าหมายรายได้ 450 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 380 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาทจากคูลละติจูด ซึ่งทำให้ภาพรวมของบริษัทปีนี้จะมีรายได้เติบโตกว่า 50%
สำหรับอัตราการเติบโตในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 20-30% โดยเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับขึ้นค่าโฆษณา 30% เนื่องจากต้องการใช้งบประมาณบางส่วนเพื่อพัฒนาระบบออนไลน์ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการฟังให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้จะมีการจัดคอนเสิร์ตศิลปินจากต่างประเทศ การจัดแรลลี่ คูล พริวิเลจ สำหรับสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค โดยทางคลื่นคาดหวังว่าจะมีผลตอบรับจากคนฟังในเวลา 6 เดือน
"ภาพรวมธุรกิจวิทยุในปีที่แล้วทรงตัว แต่สำหรับ คูล ฟาเรนไฮท์ มีอัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง 20% ส่วนปีนี้คลื่นคูลฟาเรนไฮท์ ตั้งเป้า 450 ล้านบาท เพิ่มจากปี 55 ที่มีรายได้รวม 380 ล้านบาท และอีก 20 ล้านบาทจาก คูล ละติจูด ซึ่งทำให้ภาพรวมของบริษัทปีนี้ จะมีรายได้เติบโตกว่า 50% จากปีก่อน"นายคมสันต์ กล่าว