ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 284.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 3,621.92 จุด ลดลง 99.41 จุด, -2.67% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,597.11 จุด ลดลง 176.08 จุด, -2.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 6,270.44 จุด ลดลง 84.93 จุด, -1.34%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งของอิตาลีก่อให้เกิดความวิตกว่าวิกฤตหนี้ยูโรโซนอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผลเบื้องต้นระบุว่าพรรคกลาง-ซ้ายของนายปิแอร์ ลุยจิ เบอร์ซานีกวาดเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่กลับมีที่นั่งไม่มากพอในวุฒิสภา ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากในการที่จะผ่านร่างกฎหมายต่างๆ
ทั้งนี้ หลายฝ่ายประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองของอิตาลีมีแนวโน้มจะไร้เสถียรภาพในระยะใกล้นี้ และจะส่งผลให้การดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างล่าช้าออกไป หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้
ด้านนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำกลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายกลาง-ขวาของอิตาลี ส่งสัญญาณในวันนี้ถึงความเต็มใจที่จะเจรจาเป็นพันธมิตรกับกลุ่มพรรคการเมืองฝ่ายกลาง-ซ้าย หลังจากที่ผลการเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลีส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันทางการเมือง
ผลการนับคะแนนเบื้องต้นจากกระทรวงมหาดไทยอิตาลีระบุว่า กลุ่มพรรคกลาง-ซ้ายที่นำโดยนายปิแอร์ ลุยจิ เบอร์ซานีได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่นายเบอร์ซานีไม่มีที่นั่งมากพอในวุฒิสภา
นักวิเคราะห์คาดว่า นายเบอร์ซานีมีจำนวนที่นั่งในวุฒิสภา 121 ที่นั่ง ขณะที่นายแบร์ลุสโคนีคว้าไปได้ 117 ที่นั่ง พรรคไฟฟ์ สตาร์ มูฟเมนท์ของนายเบปเป้ กริลโล มีจำนวน 54 ที่นั่งและนายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลีที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง ได้ไป 22 ที่นั่ง ซึ่งตามกฎหมายการเลือกตั้งของอิตาลีนั้น พรรคการเมืองหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดๆต้องมี 158 ที่นั่งในวุฒิสภาจากจำนวนทั้งหมด 315 ที่นั่ง เพื่อครองเสียงข้างมาก
หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย ร่วงลง 7.3% ขณะที่หุ้น BASF ดิ่งลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 18% สู่ระดับ 1.8 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.83 พันล้านยูโร
หุ้นแพนโดรา ซึ่งเป็นผู้ผลิตอัญมณีรายใหญ่ของยุโรป ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 700 ล้านโครเนอร์ในปีนี้ ซึ่งเท่ากับ 3.6% ของมูลค่าตลาดในปัจจุบัน