นอกจากนี้ ยังได้เร่งปิดโอนโปรเจ็คท์ในประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้ SGP กลายเป็นผู้จัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีรายใหญ่ในมาเลเซียตะวันออก ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายเพิ่มขึ้นอีกราวปีละ 100,000 ตัน โดยจะสามารถสร้างยอดขายได้ให้แก่บริษัทฯ ได้ในปีนี้ ส่งผลให้สัดส่วนรายได้รวมจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 50%
“บริษัทฯ ได้วางแผนยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในระยะยาว โดยหวังจะใช้คลังก๊าซในจีนที่เมืองจูไห่ เมืองซัวเถา และคลังลอยน้ำ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สร้างความได้เปรียบในการนำเข้าและส่งออกก๊าซแอลพีจีไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ เช่น ฮ่องกง มาเก๊า ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา และสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกบริษัทย่อยในประเทศต่างๆ พร้อมกันนี้ได้เตรียมงบลงทุนในการซื้อเรือบรรจุก๊าซลำใหญ่หรือ VLGC ขนาด 47,000 ตัน เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามแผนที่ได้วางไว้" นายศุภชัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/55 (ตุลาคม-ธันวาคม 2555) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 333.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 376 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 70 ล้านบาท ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขาย การขนส่งและการให้บริการเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 11,542.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 9,598 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ดังกล่าว ส่งผลให้การเติบโตของรายได้รวมในปี 2555 ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยมีรายได้ 47,751.88 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้ 38,594 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 817.05 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 และภาพรวมทั้งปี SGP ยังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ที่ดี เนื่องจากมีรายได้จากการขาย ขายส่ง การให้บริการและรายได้อื่นๆ เติบโตขึ้น หลังจากที่ได้ขยายรุกธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เริ่มรับรู้กำไรจากการซื้อธุรกิจที่เมืองซัวเถาในประเทศจีน ส่งผลให้รายได้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง" นายศุภชัย กล่าว