ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 175.24 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 14,075.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 19.05 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 1,515.99 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 32.61 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 3,162.26 จุด
เบอร์นันเก้กล่าวต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ที่แคปิตอล ฮิลล์ว่า มาตรการ QE หรือโครงการซื้อพันธบัตรของเฟดถือเป็นสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ และจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกัน
“อัตราว่างงานสูงได้สร้างความเสียหายอย่างมาก ซึ่งมีเพียงแต่ทำให้ผู้ว่างงานและครอบครัวของพวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อศักยภาพและแนวโน้มการผลิตของเศรษฐกิจของเราโดยรวมอีกด้วย ขณะที่อัตราว่างงานสูงกว่าระดับปกติอยู่มากและเงินเฟ้อบรรเทาลงนั้น ความคืบหน้าสู่เป้าหมายว่าด้วยการจ้างงานสูงสุดและความมีเสถียรภาพด้านราคาของเฟดนั้น ต้องอาศัยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมาก" เบอร์นันเก้กล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบรายเดือน แตะที่ระดับ 105.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งถือว่าสูงเกินคาด และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553
ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นต์สัญญาแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดการขาย
ตลาดได้รับปัจจัยบวกมากขึ้นเมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจของ 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะ 91.1 ในเดือนก.พ. จาก 89.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นแตะระดับเกือบ 90
หุ้นทาร์เก็ตร่วงลง 1.45% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี
หุ้นเฟดเอ็กซ์ดีดตัวขึ้น 2.5% หุ้นแอปเปิลร่วงลง 1%