(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาค ตอบรับปัจจัยตปท.

นอกจากนี้นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้มีการพูดตอกย้ำการดำเนินโครงการ QE ต่อไปใน 2 วันนี้ ทำให้มาตรการยังไม่สิ้นสุดลง

ส่วนด้านอิตาลีที่เมื่อคืนนี้ที่มีการประมูล Bond Yeild หลังการเลือกตั้ง ซึ่ง Bond Yeild ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ และสามารถขายได้หมด ทำให้คลายความวิตกเรื่องนี้ลง แม้ว่า Bond Yeild ในครั้งนี้จะปรับตัวสูงกว่าการประมูลครั้งก่อน ทำให้ sentiment ต่างๆออกมาดีขึ้น อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งของอิตาลีก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

พร้อมให้แนวต้าน 1,535-1,540 จุด แนวรับ 1,510-1,515 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(27 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,075.37 จุด เพิ่มขึ้น 175.24 จุด(+1.26%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,515.99 จุด เพิ่มขึ้น 19.05 จุด(+1.27%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,162.26 จุด เพิ่มขึ้น 32.61 จุด(+1.04%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 142.76 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 249.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 15.01 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.23 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.90 จุด

ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้เนื่องในวันหยุด

• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(27 ก.พ.)1,518.05 จุด ลดลง 12.27 จุด (-0.80%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 188.34 ล้านบาท เมื่อ 27 ก.พ.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(27 ก.พ.)ที่ 92.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.13 ดอลลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(27 ก.พ.)ที่ 10.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.81/83 ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยตามเงินยูโร
• "พงษ์ศักดิ์"สบโอกาสวิกฤติไฟฟ้าขาด ประกาศรื้อแผนพีดีพีใหม่ ลดใช้ก๊าซธรรมชาติจาก 68%เหลือ 45% หันเพิ่มถ่านหิน 20% ยอมรับที่ผ่านมาถูกต่อต้านหนัก เปิดช่องกฟผ.ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าภาคเอกชน เล็งซื้อไฟกัมพูชา-พม่าแก้วิกฤติระยะยาว กฟผ.รีดไฟเพิ่มจากไอพีพีสำรอง 5 เม.ย. ได้ 1,058 เมกะวัตต์รับอาจเกิดปัญหาไฟตกช่วง 13.00-15.00 น. กลุ่มเซ็นทรัลประกาศร่วมมือลดใช้ไฟ 5 กลุ่มธุรกิจ
• กระทรวงอุตสาหกรรมส่งหนังสือถึงสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศให้ประสานกับสภาอุตสาหกรรมและหอการค้าแต่ละจังหวัด ขอความร่วมมือให้โรงงานทั่วประเทศ 7 หมื่นแห่งประหยัดพลังงานให้ได้อย่างน้อย 10% จากปัจจุบันที่โรงงานทั่วประเทศใช้ไฟฟ้าวันละ 1.2 หมื่นเมกะวัตต์เพื่อเป็นการประหยัดการใช้พลังาน โดยเป็นนโยบายที่ทำต่อเนื่องจากการรับมือการขาดพลังงานจากปัญหาก๊าซขาดแคลนในช่วงเดือน เม.ย.
• ครม.คลอดแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งประเทศ ปูทางออกพ.ร.บ.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ดันตั้งเงินสำรองจ่ายกว่า 6 หมื่นล้าน ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์เหลือ 13.2% ของ จีดีพี "ชัชชาติ" ย้ำ คัดโครงการสำคัญเร่งลงทุน ทยอยกู้ มั่นใจรักษาวินัยการคลังได้ ดันจีดีพีเพิ่มปีละ 1% พร้อมตั้ง 10 ตัวชี้วัดประเมินความสำเร็จการลงทุน ส.อ.ท. ชี้ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ แนะจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส
• ดุลการค้าเดือน ม.ค. เดือนแรกของปี 2556 ประเดิมขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 5,486 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากการส่งออกที่มีมูลค่า 1.82 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 16.09% แต่การนำเข้ามีมูลค่า 2.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 40.87%
• นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า ในปีนี้เอกชนมีแนวโน้มจะออกไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะธปท.จะผ่อนคลายกฎเกณฑ์เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่ออนุญาตให้เอกชนไปลงทุนต่างประเทศได้เสรี
• "กิตติรัตน์" เดินเกมรุกต่อ คงยืนยันดอกเบี้ยนโยบายสูงเกินไป "ธปท." เตรียมผ่อนเกณฑ์นำเงินออกนอกประเทศ ตามแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม หวังเอื้อนักธุรกิจ โดยเฉพาะการค้าตามชายแดน ลดปัญหาโพยก๊วน ดึงเข้าสู่ระบบ พร้อมชี้โอกาสลงทุนต่างประเทศเพียบ เหตุปัญหาวิกฤติโลกทำราคาสินทรัพย์ลดลง ทั้งเงินบาทแข็งเพิ่มกำลังซื้อ ด้าน "คลัง"เล็งเพิ่มมาตรการจูงใจด้านภาษี ให้ใกล้เคียงต่างประเทศ หวังดันเอกชนลุยนอกมากขึ้น
• นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค. กระทรวงการคลังจะประกาศปรับตัวเลขอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ในปีนี้ใหม่ จากที่มีการประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวได้ 5% โดยจะพิจารณาจากฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ และเพิ่มสมมติฐานการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลเข้าไปด้วย

*หุ้นเด่นวันนี้

• SVI(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 5.30 บาทจาก 4.20 บาท หลังบริษัทผ่านช่วงเวลาของการฟื้นฟูไปแล้วในปีก่อนและพร้อมเติบโตในอัตราเร่ง จากลูกค้าใหม่ที่เพิ่ม 5 ราย และเพิ่มสินค้าใหม่ โดยได้ปรับประมาณการกำไรปกติปีนี้ขึ้น 9% เป็น 743 ล้านบาท (+89% Y-Y) และ re-rate PE เป็น 14 เท่า จาก 12 เท่า
• BGH (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 170 บาทจาก 155 บาท จากการปรับประมาณการกำไรใน 5 ปีข้างหน้าที่คาดโตเฉลี่ย 15% เพิ่มจากเดิมที่คาดโต 13%
• SAMART(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อเก็งกำไร"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20.50 บาทจาก 16.50 บาท จากการปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 7% เป็น 1.34 พันล้านบาท (+22% Y-Y) จากกำไรที่ดีกว่าคาดใน 2H12 และ re-rate PE ขึ้นเป็น 15 เท่าจากเดิม 13 เท่า ราคาหุ้นยังมี upside จากการประมูลโครงการ APPS และ 3G เฟส 2 (ผ่าน SAMTEL) ใน 3Q13
• AI (ฟินันเซีย ไซรัส)ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13 บาทจาก 7.20 บาท กำไรปี 2012 โต 335% ตามคาด และคาดกำไรปีนี้โตต่อ 138% จากธุรกิจไบโอดีเซลที่จะกลับมามีกำไร ธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าเดินเครื่องด้วยเครื่องจักรใหม่เต็มปี และมีแผนนำนำบริษัทลูก (AIE) ซึ่งทำธุรกิจไบโอดีเซล ลอจิสติกและท่าเรือ เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ใน 3 เดือนข้างหน้า
• PRIN(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.82 บาท ล่าสุดบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2556 เพิ่มขึ้น 18% YoY สู่ระดับ 3.3 พันล้านบาท จากการเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6.1 พันล้านบาท ขณะที่ล่าสุดมีงานในมือที่พร้อมโอนในปีนี้อยู่ที่ราว 1.8 ล้านบาท และบริษัทยังได้เตรียมงบซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่อีก 1.0 พันล้านบาท Consensus ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% YoY โดยมีแนวรับ และจุด Cut Loss ที่ 2.44 บาท และแนวต้าน 2.62 บาท
• TRUE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ซื้อเก็งกำไร"เป้า 10.10 บาท กำไรปกติ 4Q55 ออกมาดีกว่าคาด และยืนยันการเข้าสู่ทิศทาง Turnaround ของผลประกอบการในปี 2556 โดยผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติใน 4Q55 ลดลงเหลือเพียง 1,144 ล้านบาท ลดลงจาก 3Q55 ที่ขาดทุน 2,161 ล้านบาท และ 4Q54 ที่ขาดทุน 2,458 ล้านบาท พร้อมคาดารณ์จะเข้าสู่จุดคุ้มทุนได้ใน 3Q56 และส่งผลให้ปี 2556 พลิกกลับเป็นกำไรปกติ 764 ล้านบาท จากขาดทุนปกติ 6,092 ล้านบาทในปี 2555 และเติบโตสูงถึง 459.7% yoy เป็น 4,277 ล้านบาท