รวมทั้งสินค้าในญี่ปุ่นและเกาหลีได้มีการส่งออกมาขายนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ยังมีฐานลูกค้าที่มีความนิยมสินค้าญี่ปุ่นและเกาหลีอยู่ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นเข้ามาติดต่อเจรจาเพื่อเข้ามาลงทุนและขายสินค้าร่วมกับบริษัทฯประมาณ 4-6 ราย
“ในปีนี้เรามองว่าตลาดโฮมช้อปปิ้งจะมีความคึกคักอย่างมาก เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้น โดยเราชูจุดแข็งด้านคุณภาพสินค้าและบริการที่ดี รวมถึงช่องทางขายที่ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งเคเบิ้ลทีวี ทีวีดาวเทียม ฟรีทีวีและแอพพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟน เข้ามาเสริมจุดแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ประกอบกับแบรนด์ทีวี ไดเร็คอยู่ในตลาดมานานกว่า 10 ปี ซึ่งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น จึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโตขึ้น 20%จากปีก่อน" นายทรงพล กล่าว
นายทรงพล คาดว่า ยอดขายในไตรมาส1/56 อาจจะไม่ค่อยมาก เนื่องจากต้นปีสินค้าเพิ่งเข้ามาในสต๊อกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ยังมีจำนวนสินค้าที่นำมาขายจำนวนน้อย แต่ยอดขายจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เป็นต้นไป เนื่องจากมีสินค้าที่นำมาขายมากขึ้นและมีความหลากหลาย
สำหรับในปี 56 บริษัทฯตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 15-20 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งปี 56 บริษัทฯไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ แต่จะเน้นที่พัฒนาศักยภาพและเพิ่มจำนวนพนักงานแทน โดยจะเพิ่มจำนวนพนักงานอีก 250 ตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทฯมีอาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่รองรับพนักงานมากขึ้น และการพัฒนาศักยภาพของพนักงานจะทำให้บริษัทฯเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขยายสาขา TV Showcase เพิ่มอีกประมาณ 10 แห่งในปี 56 จากปี 55 มีอยู่ 70 สาขา พร้อมเติมความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มสินค้าใหม่ๆให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการขยายสาขา TV Showcase เพิ่มใช้เงินลงทุนทั้งหมด 1.5 ล้านบาทต่อสาขา
ส่วนการขยายธุรกิจไปในประเทศเพื่อนบ้านของบริษัทฯปัจจุบันมีการจดทะเบียนจัดตั้งสาขาที่ลาว, เวียดนาม, กัมพูชา และมาเลเซีย เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งมองการขยายธุรกิจไปในพม่า ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน คาดว่าในช่วงแรกอาจจะเข้าไปร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศพม่าก่อน เนื่องจากการจัดตั้งสาขาเองในพม่านั้นบริษัทฯไม่สามารถฝึกอบรมพนักงานส่งไปได้ เพราะจำนวนพนักงานของบริษัทฯยังไม่เพียงพอในการส่งเข้าไปทำงานในพม่า