"ราคาถ่านหินที่ขยับขึ้นเพราะซัพพลายไม่ล้นตลาดและราคาที่ปรับลงขนาดนี้ทำให้หลายเหมืองปิดตัวไป"
นอกจากนี้ คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังราคาน่าจะขยับขึ้นเกิน 90 เหรียญฯได้อีก จากความต้องการถ่านหินของจีนที่สูงขึ้น เศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาและจีดีพีก็โตใกล้เคียงเดิม รวมทั้งอินเดียที่มีโรงไฟฟ้าขึ้นกว่า 100 โรง หรือ 70,000 เมกกะวัตต์ ในปี 2012-2017 ทำให้ความต้องการถ่านหินในอินเดียเพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขายถ่านหินเกิน 2 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 1.7 ล้านตัน และตั้งเป้ารายได้รวมที่ 6,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยไตรมาส 1/56 นี้ คาดทั้งรายได้และกำไรจะสูงกว่าไตรมาส 4/55 ที่ผ่านมาจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้น
"ไตรมาส 1/56 เป็นกำไร เพราะราคาถ่านหินไม่ลงแล้ว มีแต่ทรงที่ 90 เหรียญฯ และจีนออร์เดอร์เพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะขายไปจีนเกิน 1 ล้านตัน และเชื่อว่าครึ่งหลังราคาจะขยับขึ้นอีก ทำให้คาดว่าทั้งปีนี้ราคาขายเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 91-92 เหรียญฯ"
ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2/56 นี้บริษัทจะสามารถขายถ่านหินเข้าไปในอินเดียได้ หลังจากที่ทำการตลาดตั้งแต่ปีก่อน
ในปีนี้อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะขยับขึ้นได้อีก 1-2% จากปี 54 ที่ 5.67% จากโครงการลดต้นทุนที่เห็นผลแล้ว สำหรับความคืบหน้าการซื้อเหมืองถ่านหินที่อินโดฯคาดจะสรุปได้ในปีนี้ ปริมาณสำรองที่ 10 ล้านตันขึ้นไป
"เน้นเหมืองที่ทำอยู่แล้ว เมื่อเข้าไปสามารถมีรายได้เลย ซึ่งปีนี้ก็จะลงทุนเรื่องเหมืองใหม่และท่าเรือที่อินโดฯ แต่ยังไม่สรุปจำนวนเงิน"
นายพนม กล่าวว่า บริษัทยังสนใจทำธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการพลังงานทดแทนจากชีวมวล