นอกจากนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ยังได้อนุมัติการเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 5,000 ล้านหุ้น ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรของบริษัทฯ ที่เป็นนักลงทุนระยะยาว และมีความรู้ความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเข้ามาช่วยเสริมการทำธุรกิจของ KMC พร้อมทั้งอนุมัติการลดพาร์เพื่อลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นและลดขาดทุนสะสมจาก 20 บาทเหลือ 0.65 บาท เพื่อให้สามารถจ่ายปันผลกับผู้ถือหุ้นได้หากบริษัทฯมีผลการดำเนินงานเป็นกำไร
"จากนี้ไป KMC พร้อมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ หลังจากได้เงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเข้ามาสนับสนุน ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นในผลการดำเนินงาน ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยหลังจากที่เราได้เข้าเทคโอเวอร์โครงการ Classe’ และเตรียมปรับแบรนด์เป็น The Kris Extra Rama 9 เปิดขายปลายเดือนมีนาคมนี้ จะทำให้รายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ขยับขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท และเรายังมีอีกหลายโครงการ ที่จะทำให้ภาพของ KMC เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง และการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะสามารถรองรับการเติบโตได้ใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลการเพิ่มทุนอีก นอกจากนี้หลังจากลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมแล้ว บริษัทฯก็จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอนาคตอีกด้วย" นายวิรัตน์ กล่าว
การเพิ่มทุนดังกล่าว จะทำให้บริษัทฯสามารถระดมทุนได้ประมาณ 2,100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่และมีศักยภาพซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมีแผนจะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ 4 โครงการ ได้แก่ การเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทวิทูรธนากร จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม Classe’ อยู่ในทำเลถนนพระราม 9 หน้า RCA มีโครงการอาคารสูง 8 ชั้น ที่สร้างเสร็จพร้อมขายจำนวน 4 ตึก พื้นที่ทั้งหมด 17,000 ตารางเมตร มีมูลค่าขายในทันทีในปีนี้ประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยบริษัทฯเตรียมที่จะปรับแบรนด์เป็น The Kris Extra Rama9 และเปิดขายในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ และยังมีที่ดินเปล่า พร้อมใบอนุญาตสร้างอาคารสูง 8 ชั้นอีก 4 ตึก ที่บริษัทฯ เตรียมนำมาพัฒนาต่อ โดยจะเริ่มทยอยก่อสร้างในปีหน้า และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมขายในปี 2558 มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการลงทุนในโครงการที่เกาะล้าน ที่ต้องใช้เงินค่าซื้อสิทธิ์ประมาณ 290 ล้านบาท และค่าพัฒนาโครงการ ที่ต้องใช้เงินทุนในส่วนของบริษัทฯ อีกประมาณ 500 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่หาดใหญ่ และภูเก็ต ที่ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท