ขณะที่ตั้งงบลงทุน 5 ปีนี้ที่ 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2-2.5 หมื่นล้านบาท สำหรับธุรกิจเดิมที่มีอยู่เพื่อต่อยอดและปรับปรุง อีกส่วนกันไว้ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทสำหรับนิวโปรเจกต์ในอนาคตเมื่อมีโอกาสเช่นการซื้อกิจการ และใน 5 ปีข้างหน้าอยากเห็นโรงแรมมีมากว่า 140 แห่ง จากปัจจุบัน 82 แห่ง ตั้งเป้ามีร้านอาหารมากกว่า 2,700 สาขา จากปัจจุบัน 1,381 สาขา
"ปีนี้เราจะโตทั้งจากแบรนด์ของเราเอง เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่าและเพิ่มมูลค่าของธุรกิจ เพิ่มรีเทิร์นทางธุรกิจ การเพิ่มแฟรนไชน์ ทำมิกซ์ยูส ที่จะสร้างรีเทิร์นต่อเนื่อง รวมทั้งมองหาทาร์เก็ตในการซื้อกิจการที่มี Earning และช่วยขยาย earning และ growth ให้กับบริษัท"
ธุรกิจร้านอาหารปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของสาขาเดิมที่ 4-5% และขยายสาขาเพิ่ม 8-10% ต่อปี ก็จะเห็นการเติบโตของร้านอาหารปีละ 12-15% แต่ปีนี้อาจโตมากกว่า 12-15% เพราะมีร้านอาหารภายใต้แบรนด์ริเวอร์ไซด์ที่ซื้อเข้ามาเมื่อ ธ.ค. ซึ่งมีทั้งรายได้และผลกำไรเรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของธุรกิจโรงแรมปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักของโรงแรมเติบโต 3-4% จากปี 55 อยู่ที่ 69%
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้เป็นโรงแรม 50% ร้านอาหาร 40% ที่เหลือให้เช่าพื้นที่
"ธุรกิจในประเทศไทยยังโตได้ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด โดยต่างจังหวัดจะโตไปตามการปรับตัวความเป็นเมืองมากขึ้นขณะที่คอมมูนิตี้มอลล์ รีเทลโอเปอเรเตอร์ ขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้น"
ธุรกิจต่างประเทศก็จะโตตามแฟรนไชน์ และทั้งแบรนด์ตัวเอง
ส่วนการซื้อกิจการ นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า คงมองในประเทศที่มีธุรกิจอยู่แล้ว เช่น แอฟริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง คาบสมุทรอินเดีย มัลดืฟ ศรีลังกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่จะให้ความสำคัญมากกว่าประเทศที่ยังไม่มีการเข้าไปลงทุนธุรกิจ และต้องไปเริ่มใหม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดกั้น หากมีใครมาเจรากันแล้วคุ้มค่ากับที่จะไป เช่น OAKS ที่ซื้อมามีถึง 38 โรงแรม ถือว่าคุ้มค่าและต้องเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพื่อต่อยอด ซึ่ง OAKS ปีนี้จะให้ผลกำไรที่ดีต่อเนื่อง