(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าพักตัว ไร้ปัจจัยใหม่หนุน รอความชัดเจนการปรับลดงบฯสหรัฐ

ด้านอิตาลีเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลคาดว่าเริ่มมีข้อสรุปได้บ้างแล้ว เนื่องจากไม่ว่าใครเข้ามาร่วมกับนายเบอร์ซานีก็ตาม นโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมาคาดว่านายเบอร์ซานีจะสามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับตลาด

ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้พักตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาหนุนตลาด ประกอบกับเช้าวันนี้จีนประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิต อยู่ที่ 50.1 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แต่เศรษฐกิจจีนโมเมนท์ตั้งของเศรษฐกิจจีนก็ยังฟื้นตัวต่อได้

พร้อมให้แนวต้าน 1,550 จุด แนวรับ 1,530 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(28 ก.พ.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,054.49 จุด ลดลง 20.88 จุด(-0.15%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,514.68 จุด ลดลง 1.31 จุด(-0.09%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,160.19 จุด ลดลง 2.07 จุด(-0.07%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 94.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 63.18 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 19.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 3.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.16 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 10.70 จุด

ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ

• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(28 ก.พ.)1,541.58 จุด เพิ่มขึ้น 23.53 จุด(+1.55%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,829.66 ล้านบาท เมื่อ 28 ก.พ.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(28 ก.พ.)ที่ 92.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.71 ดอลลลาร์
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(28 ก.พ.)ที่ 9.6 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.75/77 คาดแกว่งกรอบแคบ 29.70-29.80
• ธปท. เผย 2 เดือนแรกปีนี้ เงินทุนไหลเข้า 2.7 พันล้านดอลลาร์ น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ค่าบาทแข็งเพราะนักลงทุนเชื่อมั่น ขณะที่แถลงตัวเลขเศรษฐกิจใจเดือนม.ค. ขยายตัวต่อเนื่อง ตามการบริโภค-ลงทุน ในประเทศ ด้านประเทศยักษ์ใหญ่โลกประกาศเดินหน้าอัดฉีดไม่มีกำหนด หนุนค่าเงินเอเชียแข็งค่ายกแผง ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์แข็งค่า 3% ตั้งแต่ต้นปี มากที่สุดในภูมิภาค
• "นิวัฒน์ธำรง" เผยประชุมร่วมไทย-พม่า พัฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย 6-9 มี.ค. สรุปรูปแบบลงทุน พร้อมทบทวนแผนเดิมระบุบางส่วนไม่คุ้มทุน ดึงรัฐบาลญี่ปุ่นร่วมวง คาดเดือนเม.ย. เสนอนายกฯ ลงนามร่วม "เต็ง เส่ง" สศช.ย้ำความสำคัญโครงการทวายเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ดึงดูดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ ขณะที่ นักวิชาการแนะรัฐจับมือญี่ปุ่นตั้งศูนย์ฝึกแรงงานพม่า ปั้นแรงงานมีฝีมือป้อนนิคมฯ ทวาย ก่อนแรงงานไหลกลับประเทศ หวั่นวิกฤติแรงงานภาคอุตสาหกรรม
• ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริการจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และเห็นชอบในการยุบรวมโครงการลงทุนน้ำ 2 แผนงาน (โมดูล)คือ คลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และเตือนภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา (A6) และคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์และเตือนภัยลุ่มน้ำอื่น 17 ลุ่มน้ำ (B4) เป็น 1 โมดูล
• นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูงเป็นประวัติการณ์ คือ 5,486 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากมีการส่งออกได้น้อยกว่าการนำเข้ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการนำเข้าสินค้าทุน หรือปัจจัยการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
• แหล่งข่าวจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่าหากรัฐบาลออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทจะทำให้ภาพรวมหนี้ของประเทศสูงขึ้น ทั้งนี้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะรายงานสภาพหนี้โดยรวมของประเทศในปี 2555 มีอยู่ 4.86 ล้านล้านบาท หากนำมาหารกับจำนวนประชากรทั้งหมด 65 ล้านคน คนไทยจะมีหนี้ต่อหัวต่อคนอยู่ที่ 7.5 หมื่นบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

• EUREKA(ฟินันเซีย ไซรัส)เข้าเทรดวันนี้วันแรก ประเมินราคาเป้าหมาย 3.30 บาท/หุ้น จากราคาขาย IPO 2.25 บาท/หุ้น โดยกำไรสุทธิปี 2012 โต 331% และคาดกำไรปีนี้โตอีก 141% Y-Y เป็น 40 ล้านบาท จากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ และการปรับปรุงกระบวนการผลิต ทั้งนี้ EUREKA เป็นผู้ผลิตและออกแบบเครื่องจักรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น เครื่องประกอบชิ้นส่วน เครื่องทดสอบการรั่วของชิ้นงาน เครื่องขันน๊อต อุปกรณ์จับยึด (Jig) เป็นต้น เป็นผู้ประกอบการต้นน้ำของอุตสาหกรรมยานยนต์ จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เพราะหากผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิต ออกรถรุ่นใหม่ มี Minor change จะต้องลงทุนเครื่องจักรก่อนจึงจะผลิตรถได้
• INTUCH(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 82 บาท มีความเป็นไปได้ที่ INTUCH เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีโอกาสถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี FTSE ของไทย (คาดประกาศ 6 มี.ค.) ขณะที่ในเชิงพื้นฐานบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.88 บาท (Yield 2.6%) ซึ่งจะขึ้น XD วันที่ 3 เม.ย. และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 5% ต่อปี คาดกำไรสุทธิในปี 2556 จะออกมาที่ 1.53 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และประมาณการเงินปันผลปี 56 จะจ่ายหุ้นละ 4.65 บาท (Yield 6.5%)
• SPCG(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 30 บาท ปี 56 เป็นจะปีที่ดีมากสำหรับ SPCG จากการที่โครงการโซล่าร์ฟาร์มที่ 10-16 (52 MW) ซึ่ง SPCG ถือหุ้น 100% ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ ม.ค.2556 เป็นต้นมา นอกจากนี้คาดว่าโครงการโซล่าร์ฟาร์ม 6 แห่ง (37.3 MW) จากจำนวน 20 โครงการที่เหลือ (โครงการที่ 17-36) ที่ก่อสร้างไปแล้ว 95% จะเริ่ม CDO ได้ในไตรมาสที่ 2 ด้วย โดย Consensus ประเมินกำไรสุทธิในปี 2566 ไว้ที่ 1.14 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 39 ล้านบาทในปี 2555
• THAI(บัวหลวง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 27 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 4/55 ที่ 2,361 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 5,388 ล้านบาทในไตรมาส 4/54 และเพิ่มสูงขึ้น 35% QoQ ซึ่งกำไรสุทธิออกมาสูงกว่าประมาณการ เนื่องจากกำไรจากรายการพิเศษ พร้อมคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 1/56 ของ THAI จะพลิกฟื้นเป็นกำไร หนุนโดยการเติบโตของตัวเลขการจราจร, รายได้จากผู้โดยสารต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน จึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2556 ไว้ตามเดิมที่ 6,014 ล้านบาท
• CENTEL(บัวหลวง)"ซื้อ"เป้า 44 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 4/55 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 891% YoY และ 720% QoQ ผลประกอบการที่ออกมาสูงกว่าทุกคาดการณ์ เป็นผลมาจากกำไรจากการเข้าซื้อกิจการ และบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 0.8% พร้อมมอง CENTEL จะรายงานกำไรหลักทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 1/56 หนุนโดยธุรกิจโรงแรม จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557 ขึ้นอีก 3% เพื่อสะท้อนรายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารรจัดการโรงแรมที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น