บริษัทจะยกเลิกหุ้นสามัญที่ยังมิได้จำหน่ายจำนวน 250,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ1.00 บาท เนื่องจากเดิมบริษัทได้ออกหุ้นสามัญที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจดทะเบียนให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Private Placement)เหลืออยู่จำนวน 250,000,000 หุ้น แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีการจัดสรร
จากนั้นบริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 670,000,000 บาท เป็น 1,379,758,492 บาท โดยออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 709,758,492 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
พร้อมทั้งอนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 2 จำนวน 203,333,333 หน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 3 หุ้นสามัญเดิมได้ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 2 จำนวน 1 หน่วย ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 3.00 บาทต่อหน่วย
และให้ออกหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 6,425,159 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาท เพื่อรองรับการปรับ สิทธิการใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 1 (TH-W1) ซึ่งต้องปรับสิทธิเนื่องจากการบริษัทมีการออกหลักทรัพย์แปลงสภาพใหม่ โดยจำนวนหุ้นที่ต้องใช้เพื่อรองรับการปรับสิทธิจากการประมาณราคาหุ้น ระหว่างวันที่ 20-28 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งเท่ากับ 4.89 บาทต่อหุ้น ทำให้อัตราการใช้สิทธิจากเดิม 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิต่อ 1 หุ้นสามัญ เป็น 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 1.1071 หุ้น ทำให้หุ้นที่ต้องใช้สำหรับการรองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 1 (TH-W1) ต้องเพิ่มขึ้นจาก 59,998,983 หุ้น เป็น 66,424,142 หุ้น
ที่ประชุมอนุมัติออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจดทะเบียนให้แก่บุคคลในวงจำกัด และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ (Private Placement) จำนวน 500,000,000 หุ้นโดยกำหนดราคาเสนอขายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด (หรือส่วนลดไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของราคาตลาด)