พร้อมทั้งเตรียมงบลงทุนราว 2.4 พันล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน
ขณะที่คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ได้ภายในไตรมาส 2/56
นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ERW กล่าวว่า ในปี 56 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วนของโรงแรมจะเติบโตราว 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,122 ล้านบาท ตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับกำไรในปีนี้ คาดว่ากำไรก่อนหักภาษี(EBITDA)จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่ระดับ 37% เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้และกำไรจากการขายสินทรัพย์และการถือหุ้นในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วน 20%
บริษัทได้เตรียมปรับขึ้นราคาค่าห้องพักเฉลี่ยราว 6%ในปีนี้ ซึ่งเป็นการทยอยปรับขึ้น โดยโรงแรมที่มีความต้องการห้องพักมากอาจจะมีการปรับขึ้นค่าห้องพักมากกว่าแห่งอื่น ทั้งนี้ อัตราค่าห้องพักระดับลักซ์ชัวรี่อยู่ที่เฉลี่ย 5 พันบาท/คืน และราคาห้องพักทั่วไปเฉลี่ยที่กว่า 2 พันบาท ส่วนราคาห้องพักราคาประหยัดอยูที่ 1 พันบาทต้นๆ
นอกจากนั้น บริษัทยังคาดว่าในปีนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือจะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 79% จาก 75% ในปี 55
พร้อมทั้งตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปี 55 ในส่วนของโรงแรมเมอร์เคียวพัทยา และโรงแรมฮอลิเดย์อินน์พัทยา
นายไกรลักขณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้รับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้บริหารกองทุน ในการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณโฮเทลโกรท ซึ่งมีสินทรัพย์เป็นโรงแรมไอบิสภูเก็ต ป่าตอง และโรงแรมไอบิสพัทยา ขนาดของกองทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 พันล้านบาท
ปัจจุบัน กองทุนดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คาดว่าจะเสนอขายต่อนักลงทุนทั่วไปได้ภายในไตรมาส 2/56