นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ SUSCO กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมปี 56 ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท จากปี 55 มียอดขายอยู่ที่ 1.69 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ 1.6 หมื่นล้านบาท และปิโตรนาส 1.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าปีนี้จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม(EBITDA)เพิ่มเป็น 2 เท่า จากปี 55 อยู่ที่ 400-500 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 3 หมื่นล้านบาทภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯมาจากสถานีบริการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 90% และอีก 10% มาจากการขายก๊าซ LPG ของ 8 สถานีบริการ และก๊าซ NGV 10 สถานี รวมถึงการส่งออกน้ำมันไปขายต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้าสัดส่วนสัดส่วนการขายน้ำมันในประเทศต่อการส่งออกน้ำมันในปี 56 หลังจากได้ควบรวมกับกิจการกับปิโตรนาสเพิ่มขึ้นเป็น 70:30 จากปี 55 สัดส่วนอยู่ที่ 60:40 เนื่องจากบริษัทฯมีสถานีบริการน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ซัสโก้เองมีอยู่เพียง 18 แห่ง ส่วนปิโตรนาสมีมากถึง 61 แห่ง ส่งผลให้สัดส่วนการขายน้ำมันภายในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
ด้านเงินลงทุนในการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันทั้งซัสโก้และปิโตรนาสในปีนี้ได้เตรียมงบไว้ 300 ล้านบาท พร้อมทั้งวางแผนเพิ่มจำนวนสถานีบริการให้ถึง 250 แห่งภายใน 2 ปี จากปัจจุบันบริษัทฯมีสถานีบริการรวมทั้งสิ้น 235 แห่ง พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อสถานีบริการปิโตรนาสเป็นซัสโก้ทั้งหมดภายใน 2 ปี
“เราได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่จะเป็นผู้นำของผู้ค้าน้ำมันขนาดกลางและจะสร้างแบรนด์ซัสโก้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยหลังจากที่เราเข้าควบรวมกับปิโตรนาสแล้วจะพยายามเปลี่ยนแบรนด์ปิโตรนาสให้เป็นแบรนด์ซัสโก้ภายใน 2 ปี และปรับปรุงสถานีบริการให้มีความเหมาะสมไปตามแต่ละพื้นที่ อย่างเช่น ปั๊มในกรุงเทพฯ ก็จะเป็นซัสโก้ พรีเมียม ส่วนปั๊มซัสโก้รอบนอกก็ยังคงความเป็นซัสโก้อยู่โดยสร้างความใกล้ชิดกับชุมชนมากขึ้น ส่วนตามเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ปั๊มกก็จะมีความเป็นบูทีคมากขึ้น ซึ่งเราได้วางแผนใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาทปรับปรุงปั๊มปิโตรนาส และอีก 100 ล้านบาทปรับปรุงปั๊มของซัสโก้" นายนายชัยฤทธิ์ กล่าว
บริษัทฯยังมีรายได้เสริมหลังควบรวมกิจการกับปิโตรนาส โดยมาจากการจำหน่ายน้ำมันให้กับสายการบิน ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้า 6 สายการบิน และมองแนวโน้มสามารถมีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นทุกปี และรายได้เสริมจากค่าเช่าคลังน้ำมันของบริษัทฯที่มีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ สุรษฎร์ธานี และ สงขลา
ด้านธุรกิจ non-oil ในส่วนของร้านค้าปลีกขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2 ราย เข้ามาลงทุนและดำเนินงานภายในปั๊มของซัสโก้และปิโตรนาส คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/56 ทั้งนี้ ปั๊มปิโตรนาสนั้นมีร้านค้าปลีกชื่อว่า“ซูเลีย"แต่สัญญาไลเซนส์ใช้ชื่อนี้ได้ 2 ปี ซึ่งบริษัทฯจะนำมาพิจาณาอีกครั้งว่าจะต่อสัญญาหรือไม่
ขณะเดียวกันในส่วนของพื้นที่เช่าภายในสถานีบริการน้ำมันบริษัทฯได้มีการเจรจากับคาร์แคร์ ร้านฟาสต์ฟู้ด และร้านกาแฟ อย่างเช่น A&W และ 94 Coffee
“รายได้ในส่วน non-oil บริษัทฯนั้นมีรายได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท แต่บริษัทฯมองว่าการที่เราควบรวมกับปิโตรนาสนั้นจะสร้างโอกาสทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปั๊มน้ำมันมีจำนวนครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เราได้มีการเจรจากับพันธมิตร 2 ราย เข้ามาลงทุนร้านค้าปลีกในปั๊มน้ำมันของเรา" นายชัยฤทธิ์ กล่าว
นายชัยฤทธิ์ กล่าวว่า บริษัทฯวางแผนในการลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ให้น้อยกว่า 1 เท่า ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.65 เท่า เนื่องจากการซื้อกิจการปิโตรนาสเข้ามา 1,720 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ามูลค่า Fair Value อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมีกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการ 880 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯยังมีกระแสเงินสดเขามาอย่างต่อเนื่อง
ผลประกอบการในปี 55 บริษัทฯมีรายได้ 1.69 หมื่นล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.27% มีกำไรสุทธิทางบัญชีหลังภาษีอยู่ที่ 1.02 พันล้านบาท โดยได้กำไรจากการดำเนินงานปกติ 141 ล้านบาท และกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการ 880 ล้านบาท คิดเป็นกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 610%