ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/56 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด นอกเหนือจากการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างแล้ว ยังรับรู้กำไรจากการขายหุ้น บมจ.น้ำประปาไทย (TTW)สัดส่วน 11% จำนวน 2.2 พันล้านบาท ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานไซยะบุรีราว 1.1 หมื่นล้านบาท หรือ 15%ของมูลค่างาน 7.6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้คาดว่า ครม.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในส่วนงานระบบราง จำนวนเงิน 2.5 พันล้านบาท และพิจารณาอนุมัติโครงการบริหารจัดการเดินรถสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งบริษัทจะได้งานจัดหาขบวนรถไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมี.ค. หาก ครม.อนุมัติก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเซ็นสัญญา ซึ่งจะทำให้งานในมือ(backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีประมาณ 1.3 แสนล้านบาท รวมทั้งในปลายปีนี้ คาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 120 เมกะวัตต์ มูลค่างาน 5 พันล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในช่วง 7 ปีนี้ (56-63) ที่รัฐบาลจะมีงานก่อสร้างและกู้เงินในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หรือมีงานภาครัฐออกมาประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีโอกาสได้งานใหม่ประมาณ 20% หรือประมาณปีละ 6 หมื่นล้านบาท รวม 7 ปีบริษัทจะรับงานใหม่เพิ่มประมาณ 4.2 แสนล้านบาท
นอกเหนือจากนี้ยังมีงานบริหารจัดการน้ำที่บริษัทได้เข้าร่วมกับทีมกรุ๊ปในนามทีมไทยแลนด์ที่กลุ่ม CK ร่วมอยู่ 60% ที่ทีมไทยแลนด์ได้ผ่านคุณสมบัติมา 2 Module คือ งานพื้นที่แก้มลิงและปรับปรุงเพื้นที่กรมชลประทานเหนือจ.นครสวรรค์และจ.อยุธยา และงานปรับปรุงระบบข้อมูล พยากรณ์ และเตือนภัยรวมทั้งการบริหารจัดการใน 17 ลุ่มน้ำ ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปีนี้ ในปีนี้ยังมีงานประมูลรถไฟฟ้า ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มูลค่า 5.4 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี มูลค่างาน 1.3 แสนล้านบาท