(เพิ่มเติม) CK คาดยอดรับรู้รายได้ปี 57 ที่ 2.8-3 หมื่นลบ.งานใหม่ทยอยเข้าช่วง 7 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 4, 2013 15:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร บมจ.ช.การช่าง(CK) คาดว่า ในปี 57 บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปี 56 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในช่วง 7 ปีนี้เริ่มตั้งแต่ปี 56 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อยปีละ 10-15%

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/56 บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตก้าวกระโดด เพราะนอกเหนือจากการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างแล้ว บริษัทยังรับรู้กำไรจากการขายหุ้น บมจ.น้ำประปาไทย(TTW)สัดส่วน 11% จำนวน 2.2 พันล้านบาท รวมทั้งจะรับรู้รายได้จากงานไซยะบุรีราว 1.1 หมื่นล้านบาท หรือ 15% ของมูลค่างานทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่า ครม.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการในส่วนงานระบบราง จำนวนเงิน 2.5 พันล้านบาท และอนุมัติโครงการบริหารจัดการเดินรถสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ซึ่งบริษัทจะได้งานจัดหาขบวนรถไฟฟ้าและติดตั้งอุปกรณ์ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมี.ค.หาก ครม.อนุมัติก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเซ็นสัญญา ซึ่งจะทำให้งานในมือ(backlog) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.3 แสนล้านบาท รวมทั้งปลายปีนี้คาดว่าจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP ราว 120 เมกะวัตต์ มูลค่างาน 5 พันล้านบาท

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในช่วง 7 ปีนี้(ปี 56-63)รัฐบาลจะมีงานก่อสร้างและกู้เงินลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท หรือมีงานภาครัฐออกมาประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีโอกาสได้งานใหม่ประมาณ 20% หรือประมาณปีละ 6 หมื่นล้านบาท รวม 7 ปีบริษัทจะได้งานใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณ 4.2 แสนล้านบาท

นอกเหนือ จากนี้ยังมีงานบริหารจัดการน้ำที่บริษัทได้เข้าร่วมกับทีมกรุ๊ปในนามทีมไทยแลนด์ที่ CK ถือหุ้น 60% โดยทีมไทยแลนด์ได้ผ่านคุณสมบัติในการรับงาน 2 Module คือ งานพื้นที่แก้มลิงและปรับปรุงเพื้นที่กรมชลประทานเหนือ จ.นครสวรรค์และจ.อยุธยา, งานปรับปรุงระบบข้อมูล พยากรณ์ และเตือนภัยรวมทั้งการบริหารจัดการใน 17 ลุ่มน้ำ คาดว่าจะเปิดประมูลภายในปีนี้

อีกทั้งปีนี้ยังมีงานประมูลรถไฟฟ้าเพิ่มเติม ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มูลค่า 5.4 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี มูลค่างาน 1.3 แสนล้านบาท

นายประเสริฐ กล่าวว่า แม้ว่าในช่วง 7 ปีนี้จะมีงานก่อสร้างเข้ามามาก แต่บริษัทยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากได้ลดหนี้ลงหลังจากขายหุ้น TTW ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดเหลือ 1.33 เท่า จาก 2.64 เท่า ช่วยให้บริษัทสามารถกู้เงินเพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันงานก่อสร้างมีเงินล่วงหน้าจากภาครัฐอยู่แล้ว และบางงานจะจ้างผู้รับเหมาช่วงต่อ ยกเว้นการเข้าลงทุนในบริษัทที่มีสัญญาสัมปทาน ได้แก่ โครงการไซยะบุรี ที่ต้องใส่เงินลงทุนเข้าไป 7.8 พันล้านบาท จากทุนจดทะเบียน 2.6 หมื่นล้านบาท ในช่วง 8 ปีนี้หรือปีละประมาณ 400-600 ล้านบาทตามความสำเร็จของงาน

ส่วนกรณีราคาหุ้น CK ที่พุ่งขึ้นร้อนแรงจนทำให้ติดรายชื่อหลักทรัพย์ที่ต้องซื้อขายด้วยบัญชีเงินสด (cash balance) นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่ายอมรับว่า หุ้น CK มี P/E สูง โดยก่อนหน้านี้ หรือคำนวณจากงบงวด 9 เดือนปี 55 มี P/E กว่า 1 พันเท่า และเมื่อคำนวณจากงบสิ้นปี 55 P/E ลดลงเหลือ 75 เท่า แต่มั่นใจว่าหลังประกาศงบการเงิน ไตรมาส 1/56 ค่า P/E ของบริษัทจะปรับลงอีก

นายประเสริฐ ยังคาดว่า บมจ.ซี เค พาวเวอร์(CKP)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย.56 เลื่อนจากเดิมที่คาดไว้ในไตรมาส 1/56 โดยขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แล้วเพื่อเสนอขายหุ้น IPO 220 ล้านหุ้น มาจากหุ้นเดิม 40 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 180 ล้านหุ้น

หุ้นเดิมของ CKP ที่นำออกขายจะมาจากหุ้นที่ถือโดย บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) สัดส่วน 5% จะทำให้ TTW ถือหุ้นลดลงเหลือ 25% จากเดิม 30% บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ ขายออก 7% เหลือ 23% จาก 30% และ บริษัท ที่ดินบางปะอิน จำกัด ขายออกหมด 2% ส่วน CK ไม่มีการขายออกแต่อย่างใด แต่หุ้นจะ dilute ลงมาเหลือสัดส่วนถือ 32% จากเดิมถือ 38%


แท็ก ช.การช่าง   (CK)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ