นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร TUF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 16% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,441 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่คาดว่ารายได้ในรูปเงินบาทจะมีอัตราเติบโตน้อยกว่า เพราะค่าเงินบาทในปีนี้คาดเฉลี่ยที่ 29.50 บาท/ดอลล่าร์ แข็งค่ากว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 31.00 บาท โดยรายได้ปีก่อนอยู่ที่ 106,698 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จาก บมจ.แพ็คฟู้ด(PPC)หลังจากเข้าซื้อกิจการราว 6-7 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือนมี.ค.และในปี 58 คาดรับรู้รายได้ 1 หมื่นล้านบาท หรือ 200-300 ล้านเหรียญ/ปี
ขณะที่ กำไรสุทธิปีนี้เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,694 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ตั้งเป้าที่ 16% สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 15.3% อย่างไรก็ดี เดิมบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 17% แต่จากปัจจัยลบจากกุ้งที่ราคาวัตถุดิบสูง จึงปรับเป้าลงมา และนอกจากนั้นปีนี้บริษัทจะไม่มีภาระหนี้ 600 ล้านบาทหลังจากได้ชำระคืนหนี้ในยุโรปหมดแล้วตั้งแต่ปีก่อน
"ในปี 56 เราพยายามทำรายได้ 4 พันล้านเหรียญ เติบโต 16% ธุรกิจมีความไม่แน่นอนสูงมาก หลายเรื่องไม่สามารถควบคุมได้ แต่อย่างน้อยนักลงทุนก็สบายใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถจัดการความผันผวนได้ดี อย่างน้อยก็เห็นเราแข็งแรง รายได้ยังโตอยู่"นายธีรพงศ์ กล่าว
นายธีรพงศ์ คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/56 น่าจะฟื้นตัวจากไตรมาส 4/55 ที่ราคาปลาทูน่าผันผวน โดยในเดือน ธ.ค.55 ราคาปรับลงมาที่ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อ แต่ปัจจุบันราคาขึ้นมาอยู่ที่ 2,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน และคาดว่าราคาวัตถุดิบยังเพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อนปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 22%
ส่วนราคากุ้งยังอยู่ระดับสูงจากปริมาณผลผลิตที่ลดลงจากปัญหาโรค EMS และคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 ที่เริ่มเลี้ยงกุ้งในรอบใหม่ ซึ่งบริษัทยอมรับว่ามีความกังวลต่อทิศทางราคากุ้ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคากุ้งในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
บริษัทได้วางแผนจะใช้เงินลงทุนในช่วง 3 ปีนี้( ปี 56-58)ราวปีละ 6 พันล้านบาทในการขยายกำลังการผลิต การขยายตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ การสร้างโรงงานกุ้งใหม่ ที่เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200 ตัน/วันจาก 100 ตัน/วัน การสร้างโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานและเบเกอรี่ และปรับปรุงโรงงานผลิตปลาแซลมอนแช่แข็ง
รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการนั้น บริษัทยังมีการพิจารณาอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องดูโอกาสและช่วงเวลาที่เหมาะสม และจากแผนธุรกิจนี้เชื่อมั่นว่าปีนี้จะกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง