"เรามั่นใจว่าดิจิตอลทีวีจะเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรก จากข้อได้เปรียบด้านความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือและความเชื่ยวชาญ ทำให้ไม่ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด และสามารถเริ่มออกอากาศได้ทันทีที่ได้รับใบอนุญาต" น.ส.ดวงกมล กล่าว
นอกจากนี้หากเครือเนชั่นได้รับใบอนุญาติทีวีดิจิตอลภายใน 5 ปี สัดส่วนของทีวีดิจิตอลจะขี้นมาอยู่ที่ 40% หรือ 3,800 ล้านบาท จากรายได้รวม 9,400 ล้านบาท และเมื่อรวมกับทีวีธุรกิจดาวเทียม เคเบิ้ล รายได้ของธุรกิจทีวีจะสูงถึง 5,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 56% ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์จะลดสัดส่วนมาที่ 34% หรือ 3,200 ล้านบาท
ด้านนายเทพชัย หย่อง บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น กล่าวว่า การรุกธุรกิจสู่กลุ่มประเทศอาเซียนของเครือเนชั่นในปีนี้จะเกิดขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการร่วมเป็นพันธมิตร การให้บริการคอนเทนท์ ข่าว และสารคดี ไปจนถึงการให้บริการด้านนวัตกรรมสื่อหรือมีเดีย อินโนเวชั่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของสื่อในยุคที่ต้องเร่งปรับตัวจากแรงกดดันของโลกดิจิตอล
"เครือเนชั่นจะมีการขยายบทบาทไปยังระดับภูมิภาคเพื่อรองรับการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยจะผลิตข่าวและสารคดี ภาษาอังกฤษ ผ่านทาง Sea Chanel ในทุกๆ แพลทฟอล์ม ป้อนให้สื่อทั้งในและนอกเครือเนชั่น ไปจนถึงสถานีข่าวทั่วทุกภูมิภาคอาเซียน" นายเทพชัย กล่าว
ทั้งนี้ Sea Chanel จะผลิตเนื้อหาที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาค ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวิถีชีวิต โดยจะมีผู้สื่อข่าวประจำอยู่ทุกประเทศในอาเซียน เพื่อติดตามและวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงยังทำงานร่วมกับสมาชิกของ Asia news network ซึ่งเป็นเครือข่ายความร่วมมือด้านข่าวอีกด้วย