สำหรับผลประกอบการปี 55 นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ 0.47 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย.55 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งปีอัตราหุ้นละ 0.67 บาท กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 8 มี.ค.56 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พ.ค.56 หลังจากที่สามารถทำกำไรในปี 55 ได้ที่ 725.6 ล้านบาท ลดลงจากปี 54 ที่มีกำไรสุทธิ 800.50 ล้านบาท เล็กน้อย
นายถกล กล่าวว่า หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในธุรกิจน้ำตาลกับกลุ่มมิตซุยจากประเทศญี่ปุ่น จะส่งผลให้ทางบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มมิตซุยมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนขยายกิจการ รวมถึงการสนับสนุนในด้านเทคนิค และอื่นๆ ดังนั้น การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นผลดีที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับ KBS ในอนาคตได้ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการตลาดในการจำหน่ายน้ำตาลคุณภาพสูงในตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัท และภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มมิตซุย บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บริษัทในกลุ่มมิตซุย 2 บริษัท คือ บริษัท มิตซุย จำกัด และบริษัท มิตซุยชูการ์ จำกัด โดยจำนวน 50 ล้านหุ้นแรกจะจัดสรรให้กลุ่มมิตซุยทันทีในราคาหุ้นละ 10.25 บาทไปเรียบร้อยแล้ว และกลุ่มบริษัทมิตซุยจะได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) จำนวน 50 ล้านหน่วย เพื่อแปลงเป็นหุ้นสามัญใหม่อีก 50 ล้านหุ้นภายใน 2 ปี (1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่) ราคาของใบแสดงสิทธิเท่ากับ 0.05 บาทต่อหน่วย มีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 12.70 บาทต่อหุ้น
บริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนแรกรวมมูลค่าของใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นจำนวนเงินรวม 515 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้รองรับการขยายงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยผลจากการเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ กลุ่มมิตซุยจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของ KBS ในสัดส่วน 9.1% และเมื่อกลุ่มมิตซุยแปลงสภาพวอร์แรนต์ทั้งหมด บริษัทจะได้รับเงินทุนเพิ่มเติมอีก 635 ล้านบาท และกลุ่มมิตซุยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 16.7%
“KBS มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับสองของโลก มีความได้เปรียบประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและออสเตรเลียในแง่ค่าขนส่ง เพราะประเทศไทยอยู่ในเอเชีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการบริโภคน้ำตาลสูง ดังนั้นหลังจากเพิ่มทุนให้กับกลุ่มมิตซุยเข้ามาเป็นพันธมิตรแล้ว บริษัทจะเร่งดำเนินการประสานงานสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ทันที เพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกันเพิ่มเสริมสร้างมูลค่าให้แก่บริษัทต่อไป"นายถกล กล่าว