นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะมีการดีดตัวกลับขึ้นไป เนื่องจาก Sentiment ต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า น่าจะเป็นการตอบรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ทำให้สหรัฐฯยังคงใช้นโยบายอัดฉีดเงินเข้าระบบ
นอกจากนี้ พื้นฐานตลาดบ้านเราก็ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร และมีความคาดหวังเม็ดเงินจะยังไหลเข้ามา อีกทั้งมองว่าแรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะขับเคลื่อนให้ตลาดฯไปต่อได้ โดยมองว่าวันนี้ดัชนีฯคงจะสามารถทะลุแนว 1,550 จุดขึ้นไปได้ และมีเป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ 1,585-1,600 จุด ส่วนแนวรับ 1,535 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(5 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,253.77 จุด เพิ่มขึ้น 125.95 จุด(+0.89%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,539.79 จุด เพิ่มขึ้น 14.59 จุด(+0.96%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,224.13 จุด เพิ่มขึ้น 42.10 จุด(+1.32%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 127.61 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.30 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 190.08 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 25.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 16.56 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 24.39 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.40 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.79 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.20 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(5 มี.ค.)1,549.31 จุด เพิ่มขึ้น 8.59 จุด(+0.56%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 489.40 ล้านบาท เมื่อ 5 มี.ค.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(5 มี.ค.)ที่ 90.82 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.70 ดอลลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดเมื่อวานนี้(5 มี.ค.) ปิดที่ 10.1 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.74/76 นลท.คาดศก.โลกเริ่มมีทิศทางที่ดี
- ธปท.คุมแบงก์ปล่อยกู้รายใหญ่ เกิน 25% เงินกองทุน ต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่ม หวังให้ระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ หลังจากพบว่าปล่อยกู้มากขึ้นจากเศรษฐกิจขยายตัว ขณะที่แบงก์พาณิชย์ชี้ธุรกิจขนาดใหญ่ยืดหยุ่นทำธุรกรรมได้มากขึ้น
- "สมคิด"ห่วงเศรษฐกิจโตไม่นาน กู้และใช้เงินในอนาคต ส่งออกกำลังอันตราย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "ประเทศไทย ณ จุดเปลี่ยน" ในงานวันนักข่าว 5 มี.ค.ว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะยืนหยัดเติบโตถึง 5-6% แต่เมื่อดูดีๆลึกๆไม่ง่ายที่จะรักษาไว้ได้ ถ้าไม่แก้ไขจะโตได้อีกไม่นาน
- หุ้นไทยพุ่งต่อทำสถิติสูงสุดรอบ 19 ปี 2 เดือน รับข่าวดีบจ.ประกาศทำกำไรปี 2555 กว่า 7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เฉพาะไตรมาส 4 มีกำไร 1.6 แสนล้าน พุ่ง 167% กลุ่มอสังหาฯวัสดุก่อสร้างเติบโตสูงสุด ขณะที่กลุ่มอาหารและเกษตร กำไรตกต่ำ โบรกเกอร์ปรับเป้ากำไรปีนี้ขึ้นทะลุ 8.8 แสนล้านบาท คาดหนุนตลาดหุ้นไทยกลับมาปรับตัวดีกว่าภูมิภาค
- นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายหลังตรวจเยี่ยมระบบกลางเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากร (National Single Window) ว่า กระทรวงการคลังจะเร่งเชื่อมโยงระบบการขออนุญาตในการนำเข้าและส่งออกของไทยที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง35 หน่วยงานให้มีระบบกลางที่เชื่อมโยงให้สำเร็จภายในปี 2557 โดยขณะนี้ได้เชื่อมโยงระบบไปแล้วถึง 12 หน่วยงาน
*หุ้นเด่นวันนี้
- STPI(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"หลังกำไรสุทธิปี 2555 ออกมาที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 173%YoY แล้ว แนวโน้มในปี 2556 ผลการดำเนินงานยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยที่ Consensus ประเมินกำไรสุทธิในปี 2556 ไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 66% YoY โดยที่ล่าสุดบริษัทมีงานในมือเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ต่อเนื่องได้ในปี 2556-2557 ราว 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่จุดเด่นของบริษัทอยู่ที่อัตรากำไรขึ้นต้นที่สูงถึง 30% และอัตราการจ่ายภาษีที่จะลดลงมาอยู่ที่ 16% จาก 20% ในปี 2555 โดยมีแนวรับ และจุด Cut Loss ที่ 85.75 บาท และแนวต้านที่ 102.00 บาท
- AKR(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"กำไรสุทธิใน 2555 ออกมาที่ 111 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 105 ล้านบาทในปี 2554 ขณะที่ในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าการขยายตัวของรายได้อีก 10% มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท และรักษาระดับกำไรขั้นต้นในระดับ 25% โดยที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ราว 600 ล้านบาท และมีโอกาสที่จะได้เพิ่มขึ้นอีกจากการเข้ารวมประมูลโครงการของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในไตรมาสที่ 1 และ 3 ขณะที่จุดเด่นของ AKR คือการครองส่วนแบ่งอันดับที่ 1 (25%) ในตลาดหม้อแปลง โดยมีแนวรับ และจุด Cut Loss ที่ 1.76 บาท และแนวต้านที่ 2.00 บาท
- SIM (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 3.10 บาท อิง PE 27 เท่า เท่ากับการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 3 ปี (ปี 2013-15) จุดเด่นของ SIM คือกำไรที่จะกลับมาเติบโตสูงต่อเนื่องในปีนี้โดยคาดกำไรโต 192% เป็น 483 ล้านบาทจากการขายมือถือ Smart Phone จากความนิยมในด้านดารบริการข้อมูลใหม่ๆ และเครือข่ายบริการ 3G ที่กว้างขวางขึ้น รวมถึงอัตราการทำกำไรที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ upside ต่อประมาณการยังอยู่ที่ประมูลได้งานโครงการแท็บเล็ตโรงเรียนซึ่งคาดประมูล 2Q13 นี้
- SCCC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 458 บาท จากภาวะการก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากทั้งภาครัฐและเอกชนในอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะส่งผลให้ภาวะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศเกิดภาวะอุปทานตึงตัวและจะนำไปสู่การปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ เราคาดกำไรปีนี้โต 16% ปีหน้าโต 23%
- LH (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าขึ้นเป็น 14 จาก 13 บาท ตามเป้าหมาของบริษัทร่วมที่ LH ถือ ที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ คือ HMPRO (ถือ 30%) จึงปรับขึ้นเป็น 19.20 บาทหลัง XD จากเดิม 14.20 บาท ส่วน QH (ถือ 24.9%) ปรับขึ้นเป็น 4.5 บาทจาก 3.8 บาท สำหรับกำไรปกติของ LH ยังคงคาดโต 10% เป็น 6.2 พันล้านบาท โดยแนวโน้ม presales ยังมีสัญญาณดีต่อเนื่องโดย 2M13 มียอดถึง 4 พันล้านบาท +50% Y-Y โดยเฉพาะบ้านแนวราบซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท
- DCC(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 63 บาท ผลประกอบการเดือนม.ค.56 ฟื้นตัวดีขึ้น โดยยอดขายเดือนม.ค.56 เติบโต 14%YoY และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15%YoY โดยหลักมาจากช่วงไตรมาส 1 เป็น High season และมีการปรับขึ้นราคาขายสำหรับทั้งปี 56 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตดีขึ้นเป็น 20% (จากที่ขยายตัวเพียง 1% ในปี 55 นอกจากนี้ แนวโน้มผลประกอบการในปี 56 ดีขึ้น ฐานะการเงินดี จ่ายปันผลสูง ทั้งนี้ในสิ้นธ.ค.55 มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.25 เท่า คาดการณ์เงินปันผลปี 56 เท่ากับ 3.71 บาท โดยให้อัตรการจ่ายปันผลเท่ากับ 100% ของกำไรสุทธิ ซึ่งคิดเป็น Dividend Yield 6% (จ่ายทุกไตรมาส)