ในปีนี้บริษัทจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการที่มีอยู่ทั้งการเร่งปล่อยพื้นที่เช่าสำนักงานอาคารสาทรสแควร์ และอาคารโกลเด้นแลนด์ การเพิ่มผลกำไรของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ Ascott และ Mayfair Marriott และจะลงทุนพัฒนาโครงการไผ่สิงโตให้เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่บริเวณรัชดาพระราม 4 พื้นที่กว่า 8 ไร่ และ จะกลับมาเน้นการพัฒนาโครการอสังหาริมทรัพย์แนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ หลังตลาดที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"GOLD มีทรัพย์สินที่น่าสนใจและมีมูลค่ามาก แต่ยังขาดเงินทุน หลายโครงการยังมีข้อพิพาทเรื่องเดิมๆ มีค่าใช้จ่ายด้านการเงินและบุคคลค่อนข้างสูงแต่มีรายได้น้อย ทำให้มีผลขาดทุนติดต่อกันหลายปี แต่เมื่อ บมจ.ยูนิเวนเจอร์(UV)เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 51% ทำให้เกิดความพร้อมด้านการเงิน และสร้างความเชื่อมั่นในตัวบริษัท"นายธนพล กล่าว
นายธนพล กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ภายใน 3 ปี หรือภายในปี 58 แตะ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ราว 5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะพัฒนาโครงการแนวราบอย่างน้อย 2-3 โครงการ/ปี ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้เช่า และการขายทรัพย์สิน โดยสัดส่วนรายได้จะอยู่ที่ 30-40% ของรายได้รวม และจะเป็นปีที่ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรได้
ส่วนในปี 56 คาดว่ารายได้จะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.6 พันล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีรายได้จากการขาย และไม่มีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์เหมือนปีก่อน แม้ปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ค่าเช่ามากขึ้น จากการเพิ่มพื้นที่เช่าจาก 60% เป็น 85% แต่ปีนี้จะเห็นผลขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 613 ล้านบาท เนื่องจากยังต้องมีการตั้งสำรองด้อยค่าทรัพย์สินอีก
ทั้งนี้ ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่าราว 6.7 พันล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการไผ่สิงโต เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ย่านรัชดา-พระราม 4 มูลค่าโครงการ 4.7 พันล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 ปี และในไตรมาส 4/56 จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ได้เตรียมงบจัดซื้อที่ดินในเขตกรุงเทพฯรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ 1 พันล้านบาท และการลงทุนพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ไอที อีก 20-30 ล้านบาท
"เราเตรียมจะรุกตลาดแนวราบใหม่ เน้นไปที่บ้านระดับราคากลางๆ ที่ 5 ล้านบาท จากเดิมที่เน้นพัฒนาลูกค้าระดับบน...มีแผนที่จะขายที่ดิน ทั้งที่สนามกอล์ฟที่สีคิ้ว โคราช เนื้อที่กว่า 2 พันไร่ รวมถึงที่ดินเปล่าที่ต่างจังหวัด ทั้ง บ้านฉาง ระยอง ที่ เชียงของ เชียงราย ทับสะแก จ.ประจวบฯ และกระบี่ เนื่องจากเราไม่มีความพร้อมที่จะพัฒนา และยังไม่สนใจลงทุนใน AEC เราของทำตัวให้แข็งแรงก่อน" นายธนพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และยังมีกรณีข้อพิพาทจากเรื่องเดิม ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 7-8% คาดมีข้อสรุปภายในไตรมาส 2/56 แต่ยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 1.3 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีนี้