ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 33.25 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 14,329.49 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.80 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 1,544.26 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 9.72 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 3,232.09 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดติดต่อกัน 3 วันทำการ และปิดที่เหนือระดับ 14,300 จุดเป็นครั้งแรก เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 มี.ค.ลดลง 7,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 340,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 355,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวด้านบวกจากฝั่งยุโรป รวมถึงข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของโปรตุเกสขึ้นสู่ระดับ "มีเสถียรภาพ" จากเดิม "เชิงลบ" และต้นทุนการกู้ยืมของสเปนปรับตัวลดลงเนื่องจากความต้องพันธบัตรของสเปนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับตัดสินใจไม่ขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 3.75 แสนล้านปอนด์ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้เช่นกัน
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.52% หลังจากคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐกล่าวว่า ทางคณะกรรมการยังไม่พบต้นตอของปัญหาที่ทำให้เกิดการลุกไหม้ของแบตเตอร์รี่ในเครื่องบินโบอิ้ง 787
หุ้นเดลล์ขยับลง 0.70% หลังจากนายคาร์ล ไอคาห์น นักลงทุนชื่อดังได้แสดงความคิดเห็นต่อกรรมการบริหารของเดลล์ว่า การทำข้อตกลงมูลค่า 2.44 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น ทำให้มูลค่าทางตลาดของเดลล์ลดน้อยลง
หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ส พุ่งขึ้น 2.39% หลังจากบริษัทประกาศแผนการแยกธุรกิจไทม์ อิงค์ ซึ่งเป็นธุรกิจนิตยสารในเครือ
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.9% ในเดือนก.พ.