(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น ตอบรับตัวเลขศก.สหรัฐดี-ญี่ปุ่นปรับเพิ่ม GDP

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 8, 2013 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้
ยังมีทิศทางที่จะขึ้นไปได้ต่อ แต่อาจจะไม่ใช่การปรับขึ้นแบบรุนแรง โดยระหว่างวันอาจจะมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง

ปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนวันนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 มี.ค.ลดลง 7,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 340,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 355,000 ราย

ขณะเดียวกันสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มการประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงในไตรมาส 4/2555 ของญี่ปุ่น เป็นขยายตัว 0.2% ต่อปี ในส่วนของการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ญี่ปุ่น และ ยุโรป ยังคงแผนการซื้อสินทรัพย์ต่อเนื่อง

ในส่วนตลาดภูมิภาคช่วงเช้าปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จนถึงปัจจุบันเริ่มมีการปรับขึ้นมาอีกต่อเนื่อง

พร้อมให้แนวต้าน 1,565-1,570 จุด แนวรับ 1,550-1,555 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(7 มี.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 14,329.49 จุด เพิ่มขึ้น 33.25 จุด(+0.23%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,544.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.80 จุด(+0.18%)และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,232.09 จุด เพิ่มขึ้น 9.72 จุด(+0.30%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 98.42 จุด, +0.82% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 20.49 จุด, +0.26% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 67.83 จุด, +0.30% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.13 จุด, +0.09% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 46.37 จุด, +0.69% ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 2.43 จุด, -0.12% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.90 จุด, -0.06% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.24 จุด, -0.01%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(7 มี.ค.)1,560.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด(+0.10%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 430.45 ล้านบาท เมื่อ 7 มี.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้(7 มี.ค.)ที่ 91.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลลาร์
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดเมื่อวานนี้(7 มี.ค.) ปิดที่ 9.6เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 29.74/76 หลังแบงก์กลางหลายแห่งคงดบ.-ไร้นโยบายเพิ่ม
  • นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงขอวอนให้รัฐบาลหยุดใช้วิธีการงบประมาณภาคพิสดาร ที่ขณะนี้รัฐบาลกำลังใช้วิธีนี้อยู่ โดยงบลงทุนเกือบทั้งหมดของรัฐบาลจะอยู่ในพ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท และพ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้งบปกติเหลือเพียงแค่จ่ายเงินเดือนเท่านั้น เพราะงบลงทุนไม่ได้อยู่ในงบประมาณ
  • ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่เกี่ยวข้อง(เจซีซี) ได้ข้อสรุปตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ(เอสพีวี)เพื่อลงทุนโครงการทั้ง6 สาขาในเขตทวาย ได้แก่ ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรมถนน ไฟฟ้า ประปา และโทรคมนาคม โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างหน่วยงานของรัฐของสองประเทศในสัดส่วนรวมกันแล้วมากกว่า 50% และแต่ละประเทศถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน โดยไทยจะลงทุนผ่านสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน(องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นในกระทรวงการคลัง
  • น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นากยกรัฐมนตรีของไทย และนายโฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป(อียู)ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าทั้งสองฝ่ายจะเปิดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายที่ขยายปริมาณการค้าของทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านยูโร (ราว 1.17 ล้านล้านบาท) ต่อปี
  • "แบงก์ชาติ"เผยทุนไหลเข้าเริ่มชะลอลงชี้ส่วนใหญ่ยังเข้าตลาดบอนด์ ขณะที่หุ้นเริ่มมีไหลออกบ้าง ส่วนเงินบาทยังนิ่ง เหตุนักลงทุนในประเทศมียอดซื้อดอลลาร์เข้ามาต่อเนื่อง เป็นการซื้อเพื่อลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อนำเข้าสินค้าทุน พร้อมเผยแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้าย "เฟส 2" เล็งผ่อนคลายรายย่อยลงทุนหุ้นต่างประเทศได้โดยตรง
  • รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนาก้าวทันลงทุนต่างประเทศ : โอกาสและการบริหารความเสี่ยง ว่า ในปีนี้จะมีการผ่อนคลายคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจบุคคลรับอนุญาตแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ(Money Changer : MC) และตัวแทนรับอนุญาตโอนเงินตราต่างประเทศ (Money Transfer Agent : MT) โดยจะผ่อนผันให้ MC กับ MT มีจำนวนรายเพิ่มขึ้น
  • ผู้ช่วยสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยการเปิดทางให้กลุ่มลูกหนี้รายใหญ่ที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะกลุ่มธุรกิจ ปล่อยกู้ได้เกินเกณฑ์ 25% ของเงินกองทุน ซึ่งเกินเกณฑ์การกำกับลูกหนี้รายใหญ่ (Single Lending Limit) ที่กำหนดให้ปล่อยกู้ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ซึ่งนับรวมบริษัทแม่ บริษัทลูก และธุรกิจในเครืออื่นแล้วได้ไม่เกิน25% ของเงินกองทุนนั้น เป็นการดำเนินการตามมาตรฐานสากล

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BH(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"จากกระแสขยาย และเข้าซื้อกิจการของกลุ่มโรงพยาบาลที่กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ประเมินว่า BH จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่อยู่ในสายตาของตลาด เนื่องจากตามแผนในปี 2556 BH มีแผนที่จะสร้างโรงพยาบาลอีก 2 แห่งบนถนนสุขุมวิท และเพชรบุรี และมีแผนที่จะเข้าซื้อโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดอีก 1-2 แห่งภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 2556 Consensus ประเมินกำไรสุทธิไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY
  • AMATA(เกียรตินาคิน)"ซื้อเก็งกำไร"คาดยอดขายที่ดินใหม่ในปี 2556 จะเติบโต 10% เป็น 3 พันไร่ โดยกลุ่มยานยนต์ยังเป็นกลุ่มหนุนยอดขายที่ดินสำคัญ ขณะที่บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ 6.7 พันล้านบาท รับรู้เป็นรายได้หลักในปี 2556 ส่วนแผนการจัดตั้งกองทุนอสังหาฯจากโรงงานสำเร็จรูปจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เราคาดว่า AMATA จะจ่ายปันผลงวด 2H55 หุ้นละ 35 สตางค์ ส่วนปี 2556 คาดจ่ายปันผลได้อีกหุ้นละ 70 สตางค์
  • BTS(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)“ทยอยสะสม"เป้า 9.10 บาท เชื่อราคาหุ้นยังมี Momentum เชิงบวกต่อเนื่อง จากความคืบหน้าในการออกขายกองทุน Infrastructure Fund หรือ BTSGIF โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อช่วงวันที่ 29 มี.ค. — 4 เม.ย. 2556 และเข้าซื้อขายในตลท.วันที่ 19 เม.ย.2556 และมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 4Q55/56 ว่าจะเติบโต yoy และ qoq จากจำนวนผู้โดยสาร และตู้ให้บริการที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจโฆษณายังมีทิศทางขยายตัวโดดเด่นผ่านบริษัทย่อย VGI โดยคาดว่ากำไรปกติปี 2555/2556 จะเติบโตสูงถึง +108.6% yoy เป็น 1,986 ล้านบาท
  • SIRI(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 จาก 4.50 บาท จากการปรับกำไรปีนี้ขึ้น 6% เป็นเติบโต 43% จากปีก่อน โตสูงเป็นอันดับ 3 รองจาก RML และ PS และปรับ PE ขึ้นเป็น 14 เท่าให้สอดคล้องกับการเติบโต
  • HANA(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 29 จาก 22 บาท หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในปีก่อนแล้ว โดยได้ปรับกำไรปีนี้ขึ้น 16% เป็นโต 71% จากปีก่อน
  • MAKRO(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 565 จาก 516 บาท สะท้อนแนวโน้มกำไรที่ดีกว่าคาด โดยได้ปรับกำไรปีนี้ขึ้น 12% เป็นเติบโต 29% จากปีก่อน แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเร็วไป
  • BGH (ฟินันเซีย ไซรัส)ยังคงเป็น Top pick ในกลุ่มการแพทย์ โดยยังคงให้เป้า 170 บาท และยังคงคาดการณ์กำไร 5 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 15% จากการเดินหน้าขยายทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าจำนวนรพ.ในเครือ 50 แห่งภายในปี 2015 จากปัจจุบันที่มี 30 แห่ง ถือเป็นรพ.ที่พร้อมที่สุดในการรองรับตลาด AEC และทิ้งห่างคู่แข่งไปไกล
  • กลุ่มหลักทรัพย์(ฟินันเซีย ไซรัส)เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจในระยะนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เฉลี่ย 5.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน(ไม่รวม Proprietary Trading) เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนทั้งปีที่อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาทต่อวัน ส่งผลดีต่อรายได้ค่านายหน้าใน 1Q13 และบล.ส่วนใหญ่จ่ายปันผลดี โดย KGI ให้ yield สูงสุดคือ 7% (ปันผล 0.23 บาท/หุ้น) XD 22 เม.ย. แต่ PE แพง (14 เท่า vs กลุ่ม 12 เท่า) แนะนำเพียงเก็งกำไร แต่แนะนำซื้อ MBKET (เป้าหมาย 20.30 บาท) เพราะ upside มากสุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ