ทิสโก้ มองหุ้นจีนโดดเด่น เปลี่ยนผู้นำใหม่ วางนโยบายสร้างเชื่อมั่น นลท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday March 10, 2013 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า ทิสโก้ เวลธ์ มีมุมมองเป็นบวกต่อภาพการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และมองว่าตลาดหุ้นจีนในเดือนมี.ค. นี้จะกลับมามีผลตอบแทนที่โดดเด่นอีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีน ซึ่งตลาดหุ้นจีนมักจะตอบสนองในเชิงบวกจากความคาดหวังต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจจีนและการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้ง ราคาหุ้นที่ยังคงถูกมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา

นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในจีน ซึ่งจากตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ประกาศออกมา เป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจจีนได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2555 ไปแล้ว และคาดว่าในปี 2556 เศรษฐกิจจีนจะเติบโตที่ 8.2% จาก 7.8% ในปี 2555 จากแนวโน้มดังกล่าว คาดว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะกลับมามุมมองมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในจีนมากขึ้น และคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในจีนจะเติบโตขึ้นกว่า 10% กลุ่มที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงสุด คือ กลุ่มการเงินของจีน จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ทั้งจากการบริโภคในประเทศ รายได้ประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ จะส่งผลบวกต่อภาคการเงินธนาคารของจีน ซึ่งกลุ่มการเงิน มีน้ำหนักในตลาดหุ้นจีนที่จดเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Shares) มากกว่า 50%

ทั้งนี้ราคาหุ้นจีน H-Shares นั้นอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา หรือเมื่อเทียบค่า EPS ปี 2556 อยู่ที่ 9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ที่ 11.3 เท่า ขณะที่เศรษฐกิจทั้งจีนและตลาดโลกยังคงขยายตัวได้ดี ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้น H-Shares มีแนวโน้มที่จะกลับขึ้นไปอย่างน้อยเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้น H-Shares มีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นอีกมากกว่า 20% จากระดับปัจจุบัน จากภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และปัจจัยสนับสนุนการจากเคลื่อนย้ายสภาพคล่อง (Fund Flow) ทั่วโลก ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยสภาพคล่องส่วนใหญ่จะไหลออกจากตลาดพันธบัตรเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้ภาพรวมการลงทุนในปี 2556 นี้ การลงทุนในตลาดหุ้นยังคงเป็นการลงทุนที่จะช่วยตอบโจทย์การสร้างความมั่ง และสร้างผลตอบแทนในระดับน่าพึงพอใจ โดย Fund Flow ทั่วโลกได้ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง (Risky Asset) มากขึ้น เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูง ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรให้ผลตอบแทนในระดับต่ำหรืออาจจะติดลบได้

“ประเด็นที่หลายฝ่ายจับตามองตอนนี้อยู่ที่การเปลี่ยนถ่ายผู้นำของจีน ซึ่งจากนโยบายหลักที่ผู้นำจีนคนใหม่ประกาศ คือ การสร้างเมือง การควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ให้ร้อนแรงเกินไป และความโปร่งใสของรัฐบาลมากขึ้น นโยบายดังกล่าว คาดว่าไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน แต่เป็นการเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนมากขึ้น เช่น การสร้างเมือง ทำให้นักลงทุนเกิดความคาดหวังต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน การควบคุมอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องของการเกิดฟองสบู่และไม่ทำให้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากวิกฤติความเชื่อมั่น รวมทั้งด้านความโปร่งใส ทำให้เกิดความมั่นใจต่อนักลงทุนทางตรงมากขึ้น และส่งผลบวกต่อความมั่นใจในการลงทุนผ่านตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน" นางสาววรสินี กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ