ซีพี ลาว-กัมพูชา พร้อมลงทุน 250 ลบ.เสริมศักยภาพการผลิตรองรับ AEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 11, 2013 12:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสกล ชีวะโกเศรษฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.ลาว และซี.พี.กัมพูชา กล่าวว่า บริษัททั้ง 2 เตรียมพร้อมขยายการลงทุน 250 ล้านบาท เสริมศักยภาพการผลิตแบบครบวงจรทั้งสองประเทศ เพื่อรองรับการเปิดตลาดเสรีในภูมิภาคอาเซียน นอกจากการขยายการลงทุนในธุรกิจหลักอัน ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปแล้ว ยังมุ่งเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพของห่วงโซ่การผลิต (supply chain) โดยทางบริษัทฯได้มองเห็นว่าทั้งกัมพูชาและลาวเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีซึ่งจะช่วยสนับสนุนการผลิตของธุรกิจหลักของบริษัท คือ อาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ และการผลิตอาหาร เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและการเปิดตลาดเสรีภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
"การเปิดตลาดเสรีของ AEC จะเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถขยายการลงทุนและส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศใกล้เคียงได้ในอนาคต หรือแม้แต่การส่งออกไปประเทศพัฒนาแล้วก็เป็นโอกาสที่น่าสนใจ"นายสกล กล่าว

สำหรับการลงทุนในประเทศลาว บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) เป็นผู้ลงทุน 100% ขณะที่การลงทุนในประเทศกัมพูชา ซีพีเอฟถือ 25% ส่วนที่เหลือเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 75% ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัท ซี.พี. ลาว และ บริษัท ซี.พี. กัมพูชา ได้มีการขยายการลงทุนใน 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกเหนือจากเหตุผลด้านกำลังซื้อภายในประเทศแล้ว บริษัทฯยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองประเทศเป็นอย่างดี ประกอบกับการเมืองในประเทศที่มีความมั่นคงทำให้เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด บริษัทจึงได้ขยายธุรกิจเข้าไปสู่ธุรกิจต้นน้ำ คือ การไปทำธุรกิจด้านพัฒนาไซโลและโรงอบข้าวโพด ที่จังหวัดไพลิน เพื่อใช้ในการเตรียมและผลิตวัตถุดิบคุณภาพดีสำหรับการผลิตอาหารสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังจากบริษัทได้เข้าไปลงทุนในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 3 พันล้านบาท ประกอบด้วยโรงงานอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ ไก่และหมู และธุรกิจอาหาร คือ โรงงานไส้กรอกและโรงงานแปรรูปเนื้อไก่

นายสกล กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทจะสร้างโรงงานอาหารสัตว์แห่งใหม่ในจังหวัดไพลิน เพื่อรองรับความต้องการด้านอาหารสัตว์ในภาคตะวันตกของกัมพูชาที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจ เนื่องจากในเขตภาคตะวันตกโดยเฉพาะจังหวัดไพลินถือเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการขนส่งได้เป็นอย่างดีและได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาใช้ผลิตอาหารสัตว์ให้มีคุณภาพต่อไป โดยเบื้องต้นระยะแรกคาดว่าจะมีกำลังการผลิต 10,000 ตันต่อเดือน นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทำธุรกิจสัตว์น้ำในกัมพูชาด้วย

“ธุรกิจของบริษัทในกัมพูชากำลังเดินหน้าไปด้วยดี ซึ่งในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องธุรกิจอาหารมากขึ้นเนื่องจากยังมีโอกาสอีกมาก และในแผนธุรกิจ 5 ปี ของบริษัทบริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายอาหาร อีกหนึ่งเท่าตัวในทุกๆปี" นายสกล กล่าว

นายสกล กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศกัมพูชายังจำเป็นต้องนำเข้าอาหารสัตว์และสุกรมีชีวิตจากประเทศใกล้เคียงจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพและโอกาสในการดำเนินธุรกิจ โดยที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัท ซี.พี.กัมพูชา มีการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 20% แต่สำหรับปี 2556 ษริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมโดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งจะมาจากการขยายธุรกิจด้านอาหารสัตว์ ฟาร์มสัตว์ปีก ฟาร์มสุกร และอาหารสำเร็จรูป

สำหรับการลงทุนในลาวบริษัทเริ่มเข้าลงทุนตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์และธุรกิจฟาร์ม ในขณะที่ธุรกิจอาหารยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นนำร่องด้วยการทำธุรกิจไก่ย่างห้าดาว

ปัจจุบัน บริษัท ซี.พี.ลาว มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์ 1 แห่งที่แขวงเวียงจันทร์ มีกำลังการผลิต 10,000 ตันต่อเดือน และในปีนี้บริษัทฯจะขยายการลงทุนด้านการผลิตอาหารสัตว์โดยเปิดโรงงานผลิตอาหารสัตว์แห่งใหม่อีก 1 แห่งที่แขวงจำปาสัก เขตลาวใต้ ระยะแรกจะมีการผลิต 5,000 ตันต่อเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการการบริโภคอาหารสัตว์ในเขตลาวใต้ทั้งหมด และ เพื่อลดต้นทุนการผลิตที่ปัจจุบันต้องขนส่งจากเวียงจันทร์ลงไป

นายสกล ยังกล่าวว่า การทำธุรกิจในประเทศ สปป.ลาวนั้น ระยะแรกบริษัทเริ่มดำเนินการโดยบริษัทเข้าไปรับสัมปทานโรงงานอาหารสัตว์ฟาร์มไก่และฟาร์มสุกร ปัจจุบันบริษัทมีการเลี้ยงไก่สองประเภทในลาว คือ ไก่เนื้อและไก่พื้นเมือง ทั้งนี้ไก่พื้นเมืองจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากกว่าไก่เนื้อ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายปริมาณการเลี้ยงไก่พื้นเมืองเพิ่มขึ้น 50% ส่วนจำนวนแม่พันธุ์สุกรจะเพิ่มขึ้นอีก 100% รวมทั้งการผลิตไข่ไก่จะเพิ่มขึ้น 50% เพื่อเลี้ยงประชากร 6 ล้านคนในลาว

“โอกาสในการขยายธุรกิจทั้งในลาวและกัมพูชายังมีสูง เนื่องจากรัฐบาลทั้งสองประเทศให้การสนับสนุนบริษัทเป็นอย่างดี ในกัมพูชาจะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล ส่วนรัฐบาลลาวมีกำหนดนโยบายชัดเจนว่าจะนำพาประเทศหลุดพ้นจากความยากจนในปี 2020" นายสกล กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลของทั้งสองประเทศยังดำเนินนโยบายที่อำนวยความสะดวกและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศ โดยเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงของ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทั้งสองประเทศซึ่งเติบโตเร็วมาก ซึ่งปัจจุบันได้มีสิ่งก่อสร้างประเภทโรงแรมและห้างสรรพสินค้าอยู่ในระหว่างก่อสร้างหลายแห่ง

บริษัทยังเห็นโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไปยังสหรัฐและสหภาพยุโรป โดยต้องสร้างห่วงโซ่การผลิตเกษตรอินทรีย์ให้เกิดขึ้นในประเทศด้วย และจากแนวความคิดดังกล่าวที่ท่านประธานได้ให้ไว้ ปัจจุบัน บริษัท ซี.พี.กัมพูชา และ บริษัท ซี.พี.ลาว ได้เริ่มเข้าไปทำการศึกษาการทำธุรกิจด้านเกษตรอินทรีย์ แล้วในทั้ง 2 ประเทศ ในตอนนี้สามารถตอบได้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เราจะมีธุรกิจใหม่ใน 2 ประเทศนี้ในอีกไม่นาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ