ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท ทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้มีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการแล้ว 1 แห่ง และอยู่ระหว่างเจรจาจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม โดยตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 1 พันล้านบาท ขณะที่คอนโดมิเนียม 2 แห่งที่เปิดการขายและมียอดจองเต็มแล้ว 100% คือ โครงการ เดอะ แคปปิตอล ราชปรารภ-วิภาวดี และ เดอะ แคปปิตอล เอกมัย-ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวม 3-4 พันล้านบาท จะเริ่มโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป
"ตั้งแต่ปี 2014 จะเริ่มรับรู้รายได้จากคอนโดฯ 2 แห่งที่ได้เปิดขายไปแล้ว ราว 3-4 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทก็จะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมต่อเนื่องเพื่อให้มีรายได้ต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 4 พันล้านบาท ...เราอยากทำฐานให้แน่น ให้เติบโตอย่างมั่นคงก่อนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์" นายกฤษณ์ กล่าว
ด้านนายณพ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคพีเอ็น กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนที่จะนำ บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีแผนขยายการลงทุนด้านการศึกษาค่อนข้างมาก แต่คงใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 ปี
ในปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาโรงเรียนสอนดนตรี จาก 50 สาขา เป็น 60 สาขา และเตรียมงบในการ M&A ราว 300 ล้านบาท (10 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากพันธมิตรในสิงคโปร์และในประเทศ เพื่อแตกไลน์ธุรกิจ 3 รูปแบบที่เกี่ยวเนื่องด้านการศึกษา โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือน เม.ย.56 ซึ่งการขยายธุรกิจดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ได้มากขึ้น จากปัจจุบันอัตตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจดนตรี-การศึกษาของบริษัทอยู่ราว 20%
"ช่วง 3 ปี หลัง เรามีกำไรต่อเนื่อง แต่ธุรกิจด้านการศึกษาในช่วงแรกจะมีการลงทุนเยอะ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็คุ้มทุนแล้ว...ตอนนี้เราพร้อมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว แต่ยังติดในหลายๆเรื่อง ทั้ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่ยังไม่มีความชัดเจนหากจะจัดอยู่ในกลุ่มการศึกษา ภายใน 2 ปีนี้น่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ยังมีรายละเอียดที่ต้องทำอีกมาก"นายณพ กล่าว
นายณพ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน มูลค่าตลาดด้านการศึกษาสูงนับแสนล้านบาท และการศึกษาของไทยยังอยู่ในระดับที่ยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก โดยในส่วนของ KPN วางเป้าหมายที่จะเป็นอันดับ 1 ด้านการศึกษาในไทย แต่ในอาเซียนของจัดลำดับได้ยาก