อย่างไรก็ตาม มองว่ากำไรก่อนหักภาษีของบริษัทในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 40% โดยน่าจะเริ่มเห็นผลกำไรที่เติบโตดีตั้งแต่ไตรมาส 1/56 เป็นต้นไป
สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจ ขณะนี้มีงานรับเป็นที่ปรึกษาทางการในมือ 22 ดีล แบ่งเป็นบริษัทที่ต้องการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) 13 ดีล การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป(PO) 12 ดีล และ การควบรวมกิจการ(M&A) 7 ดีล
"ผลประกอบการไม่ใช่แค่จะดี แต่จะดีมาก จากเดิมตั้งเป้ากำไรสุทธิโต 20% แต่ถ้าสภาพตลาดเป็นแบบนี้ ก็น่าจะโตได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยโตในทุกฐานธุรกิจ ในธุรกรรมทุกด้าน โดยเฉพาะค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และการลงทุน"นายก้องเกียรติ กล่าว
ขณะนี้บริษัทมีวงเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์(margin loan)ที่ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะช่วยพิจารณาการเลือกลงทุนของลูกค้า เน้นความระมัดระวัง โดยเฉพาะหุ้นที่มีค่า P/E สูง ซึ่งบริษัทก็จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีเงินทุนเพียงพอในการรองรับการทำธุรกรรมที่ขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งการออกตั๋วแลกเงิน(B/E) เงินกู้จากสถาบันการเงิน เนื่องจากปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ระดับต่ำที่ประมาณ 1 เท่า
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังเติบโตดีตามตลาดหุ้นหลักของโลก โดยยังมีสภาพคล่องล้นระบบจากผลที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆใช้นโยบายเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ของไทยยังมีกำไรเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 23% เหลือ 20% และ บจ.หลายแห่งมีผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง