ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 50.22 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 14,447.29 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.04 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 1,556.22 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 8.51 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 3,252.87 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากปัจจัยลบมากมาย รวมถึงข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 1 ขั้น สู่ระดับ BBB+ พร้อมกับให้แนวโน้มเชิงลบ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากที่ผลการเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนที่แล้วยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติของอิตาลี (Istat) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า เศรษฐกิจอิตาลีในช่วงไตรมาสุดท้ายของปี 2555 ปรับตัวลง 0.9% จากช่วงไตรมาส 3 ปีเดียวกัน และหดตัวลง 2.8% จากช่วงไตรมาส 4 ของปี 2554
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอิตาลีหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน โดยมีสาเหตุมาจากการปรับขึ้นภาษีและต้นทุนการกู้ยืมของประเทศที่สูงขึ้น ขณะที่รัฐบาลอิตาลีคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเผชิญภาวะถดถอยต่อไปอีก 2 ไตรมาส
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ขยายตัว 9.9% ซึ่งขยายตัวช้ากว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ราว 1.5% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 10.5%
โบอิ้งปรับตัวขึ้น 2.11% หลังจากโบอิ้งประกาศว่าทางบริษัทสามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโบอิ้ง ดรีมไลเนอร์ 787 ขณะที่หุ้นเดลล์ดีดตัวขึ้น 1.48% หลังจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของนายคาร์ล ไอคาห์น ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อกิจการของเดลล์
นักลงทุนจับตาดูกระทรวงการคลังสหรัฐซึ่งจะเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเดือนก.พ.ของรัฐบาลสหรัฐในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณจะอยู่ที่ 2.05 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. หลังจากที่สหรัฐมีการเกินดุลมุลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.