นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BJC กล่าวว่า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากที่เข้าซื้อกิจการ Thai An (65%) ที่มียอดขายปีละประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาในงบการเงินรวม ทำให้บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมจากธุรกิจในเวียดนามเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 8 พันล้านบาท ทั้งธุรกิจผลิตแก้ว ผลิตกระป๋อง ซึ่งเติบโตปีละ 10-15% ธุรกิจผลิตกระดาษทิชชู และธุรกิจเต้าหู้ที่เพิ่งซื้อกิจการอิจิบัง คัมปะนี ลิมิเต็ด ในสัดส่วน 75%
นายอัศวิน กล่าวว่า การเข้าซื้อ Thai An จะทำให้บริษัทเป็นรายใหญ่ที่ดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศเวียดนาม เนื่องจาก Thai An มีจุดกระจายสินค้าราว 1.5 แสนจุดทั่วประเทศ รวมกับกิจการกระจายสินค้าของ Thaicorp International Company Limited ของ BJC ที่มีการกระจายสินค้าในทางตอนใต้ของประเทศประมาณ 4 หมื่นกว่าจุด โดยระหว่างนี้บริษัทจะเข้าไปสำรวจจุดกระจายสินค้าทั้งสองแห่งซ้ำซ้อนกันหรือไม่ และอาจจะหาช่องทางกระจายสินค้าเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาในธุรกิจค้าปลีกที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งนายอัศวินไม่ระบุว่ากิจการเป็นของพันธมิตรท้องถิ่นหรือไม่ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปการเจรจาดังกล่าว
"เราไม่ได้ดูที่เวียดนามอย่างเดียว ประเทศโซนอินโดจีน ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา แต่พม่าตอนนี้เรามีออฟฟิศแล้ว เรากำลังรอจังหวะเข้าไป เราจะดูเรื่องสาธารณูปโภค แรงงาน ซึ่งก็กำลังประเมินผลกันอยู่"นายอัศวิน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปีนี้ จำนวน 1 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุน 3-4 พันล้านบาท มาจากเงินกู้และกระแสเงินสดที่ขณะมีอยู่ 5-6 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีดีลซื้อกิจการขนาดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ก็คาดว่าจะใข้วิธีเพิ่มทุน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น
"เราไม่จำกัดเรื่องการเพิ่มทุน เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจมาต่อยอด แต่ขณะนี้เรายังไม่มีความจำเป็นเพิ่มทุน" นายอัศวิน กล่าว