"ปี 2556 บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาดี และเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการที่เศรษฐกิจและการลงทุนมีการขยายตัวอย่างชัดเจนทั้งภูมิภาค ASEAN โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40%"นายสัมพันธ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 1,441 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.63 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน ก.พ.56 ซึ่งเทียบปีที่ผ่านมาเกือบมากกว่าผลประกอบการทั้งปี โดยแบ่งเป็นงานในภาครัฐบาลกว่า 442 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 14 ล้านบาท การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) 162 ล้านบาท และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 268 ล้านบาท และ อีก 581 ล้านบาทเป็นงานภาคเอกชน และส่งออกต่างประเทศอีก 216 ล้านบาท และมูลค่างานคงเหลือจากบริษัทย่อยอีก 200 ล้านบาท
สำหรับงานที่มีโครงการจะเปิดประมูลและงานที่บริษัทดำเนินการเสนอราคาในช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 2 ของปีนี้มีมูลค่ากว่า 7,250 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น กฟภ.วงเงิน 2,050 ล้านบาท กฟผ.200 ล้านบาท และ กฟน.1,900 ล้านบาท และภาคเอกชน 2,300 ล้านบาท ขณะที่ส่งออก 500 ล้านบาท และงานประมูลของบริษัทย่อย 300 ล้านบาท
บริษัทคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25% ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ
นายสัมพันธ์ กล่าวvudว่า บริษัทฯเตรียมเงินลงทุนจำนวน 500 ล้านบาท โดยจำนวนเงิน 220 ล้านบาทนำไปใช้ในการสร้างโรงงานผลิตตัวถังเหล็กแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 10,000 ชิ้ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,500 ชิ้นต่อปี คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 57 และเงินลงทุนอีก 280 ล้านบาทใช้ขยายกำลังการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าในโรงงานเดิมและสร้างโรงงานแห่งใหม่ให้มีกำลังการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าเป็น 9,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งการขยายโรงงานเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ และโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะสร้างเสร็จกลางปี 57
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังล่าวจะมาจากการออกหุ้นกู้ที่เสนอขายไปเมื่อปี 55 วงเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการลงทุนปีนี้ 500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ