อีกทั้งเป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรง จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยจะมีการนำเสนอ พรบ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เข้าสู่ ครม.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อราคาหุ้น
ขณะที่ต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างผันผวน และเป็นจุดด้อยของบริษัทในอดีต เชื่อว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ลดลงแล้ว หลังเปลี่ยนมาใช้วิธี Four ways collar option ในการป้องกันความเสี่ยงของราคาวัตุดิบ และราคาน้ำมันดิบ BRENT ที่ปรับตัวลงจาก US$119.12/barrel ช่วงต้นเดือน ก.พ. เหลือ US$109.72/barrel จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทลดลงเช่นกัน
พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิปี 2556 จะเติบโตสูงถึง 61% yoy เป็น 1,037 ล้านบาท และยังมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ โดยซื้อขายระดับ PER 2556 เพียง 9.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ 15-16 เท่า และ SET INDEX ที่ 14 เท่า
วานนี้(12 มี.ค.)หุ้น TASCO ปิดที่ 63 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท(+3.70%)