ขณะที่โครงการท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรมทวายในพม่าเดินหน้าได้ต่อ หลังมีแนวทางจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ(SPV)ที่รัฐบาลไทยและพม่าร่วมกันถือหุ้น 60% ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับญี่ปุ่นที่จะปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่โครงการนี้ แต่ยังคงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป และเชื่อว่า ITD จะมีโอกาสได้งานก่อสร้างในทวายที่คาดมูลค่าทั้งหมดสูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์(1.55 ล้านล้านบาท)ใน 16 ปีข้างหน้า หากได้งานเพิ่มจริงมีโอกาสปรับเป้าราคาเป้าหมายได้อีก
ปัจจุบัน มีงานในมือสูงถึง 2.3 แสนล้านบาท โดยปีนี้จะรับรู้รายได้ 25-30% และแนวโน้มกำไรสุทธิปีนี้สูงขึ้นจากปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น เนื่องจากงานใหม่มีมาร์จิ้นดี และควบคุมค่าใข้จ่ายได้ดีขึ้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ซื้อ 9.50
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 8.61
บล.เกียรตินาคิน เก็งกำไร 8.30
บล.ทิสโก้ ซื้อ 8.30
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 7.90
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 7.60
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา นักวิเคราะห์ จาก บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำ"ซื้อ" หุ้น ITD เพราะโอกาสได้งานใหม่มีเพิ่มขึ้นมาก โดยในประเทศมีงานจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทในช่วงปี 56-63 ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะได้งาน 50% ขณะเดียวกันงานในมือ(backlog)มีอยู่ 2.3 แสนล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ซึ่งราคาหุ้น ITD ได้ปรับขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว
ขณะที่งานในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกทวายในพม่ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น หลังจากที่รัฐบาลไทยจะจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะ หรือ SPV ซึ่งจะทำให้องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(JICA)มีความมั่นใจในการปล่อยกู้โครงการนี้ ซึ่งก็ต้องติดตามความคืบหน้าในโครงการดังกล่าว หาก JICA ปล่อยกู้ให้ก็ถือเป็นข่าวดี
ฉะนั้น บล.ดีบีเอสฯ มีโอกาสปรับราคาเหมาะสมได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันให้ไว้ที่ 7.60 บาท หากได้งานก่อสร้างเพิ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งโครงการทวายมีความคืบหน้า เพราะ ITD จะมีโอกาสได้งานในโครงการทวายเพิ่มขึ้นด้วย
ด้านนางสาววิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคิน คาดว่า กำไรสุทธิปี 56 ของ ITD จะปรับตัวดีขึ้น เป็น 689 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 126 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ 5.74 หมื่นล้านบาทจาก 4.63 หมื่นล้านบาท จากการที่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น รวมทั้งมีการควบคุมค่าใข้จ่ายได้ดีด้วย ทั้งนี้ การประเมินผลประกอบการในปีนี้ยังไม่นับรวมงานในโครงการทวายเพราะต้องรอรายละเอียดว่าได้รับงานเท่าไร
นอกจากนี้ มองว่าโอกาสได้รับงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในประเทศจะมาจากโครงการก่อสร้างพื้นฐาน และงานก่อสร้างโครงการบริหารจัดงานน้ำ ขณะเดียวกัน โครงการทวายมีความชัดเจนมากขึ้น นักลงทุนคลายความกังวลที่ ITD ต้องแบกรับความรับผิดชอบเองในโครงการนี้ แต่หลังจากที่ผู้บริหารให้ข้อมูลล่าสุดว่าจะมีรัฐบาลไทยเข้ามาโดยจะเข้าร่วมใน SPV
ส่วน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองประเด็นการลงทุน ITD ว่าโครงการขนาดใหญ่ทวายมีความคืบหน้าจะตั้งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ ทำให้ไม่เป็นภาระต่อ ITD มากนัก ขณะที่ ITD จะได้งานรับเหมาก่อสร้างในโครงการต่างๆของทวายที่สูงถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์(1.55 ล้านล้านบาท)ในระยะเวลา 16 ปีข้างหน้า
ปัจจุบันมีงานในมือที่สูงถึง 2.3 แสนล้านบาท เป็นงานที่มีคุณภาพและมีกำไรมากขึ้น ตั้งเป้ามีส่วนร่วม 50% โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านล้านบาท และเข้ารอบเสนอเทคนิคและราคาโครงการระบบบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาททั้ง 10 โมดูล แนวโน้มกำไรคาดจะเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น หลังจากที่ขาดทุนต่อเนื่องมา 2 ปี แนะนำ"ซื้อ"ในลักษณะเก็งกำไร เพิ่มเป้าหมายขึ้นเป็น 9.5 บาท จากเดิม 7.70 บาท