ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 5.22 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 14, 455.28 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.04 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 1,554.52 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.80 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 3,245.12 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 1.1% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง และทำสถิติขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 เดือน เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่สถานีบริการน้ำมันซึ่งเพิ่มขึ้น 5.0%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1% แตะที่ 1.642 ล้านล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นในอนาคต โดยสต็อกของกลุ่มผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 0.5% สต็อกของกลุ่มค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.2% และสต็อกของกลุ่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 1.5%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐช่วยลดความวิตกกังวลและความผันผวนในตลาด โดยดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวลดลง 3.4% แตะที่ 11.82 จุด
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นขานรับยอดค้าปลีกที่สดใสของสหรัฐ โดยหุ้นเบสท์บาย ดีดตัวขึ้น 3.3% หุ้นอาเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 2.5%
หุ้นไอบีเอ็มปรับตัวขึ้น 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่งเกินคาด หุ้นแบล็คเบอร์รี่ พุ่งขึ้น 8.2% หลังจากบริษัทคาดว่ายอดสั่งซื้อสมาร์ทโฟน BlackBerry 10 จะสูงถึง 1 ล้านเครื่อง
หุ้นโบอิ้งดีดตัวขึ้น 0.70% หลังจากมีรายงานว่า สำนักงานกำกับดูแลด้านการบินของรัฐบาลกลางสหรัฐ ได้อนุมัติแผนของบริษัทโบอิ้งในการทดสอบเพื่อแก้ปัญหาระบบแบตเตอรีของเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลนเนอร์
ส่วนหุ้นโค้ช ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายกระเป๋าแฟชั่นชื่อดัง พุ่งขึ้น 1.76% หลังจากซิตี้กรุ๊ปแนะนำให้นักลงทุน "ซื้อ" หุ้นดังกล่าว