โบรกฯเชียร์"ซื้อ"DTAC เล็งงบฯปีนี้โตหลังเปิด 3G คลื่น 2.1 GHz/ปันผลสูง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 14, 2013 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)มองราคาหุ้นยัง Laggard และผลการดำเนินงานของปีนี้น่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อนจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากรายได้ non-voice และบริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่าย แม้ต้องลงทุนด้าน Network แต่จะไม่ทำแบบ aggresive มาก โดยตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 34,000 ล้านบาทในการขยายให้ครอบคลุม 80% ของประชากรภายใน 3 ปี

อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/56 ทาง DTAC เตรียมเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz หลังจากนั้นคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใข้จ่ายได้มากพอควร โดยเฉพาะถ้ามีการโอนลูกค้าเดิมที่ใช้บนคลื่น 1800 และ 850 เข้ามาใช้บริการคลื่นใหม่ได้มากเท่าใด ต้นทุนก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น

การจ่ายเงินปันผลของ DTAC ถือว่าอยู่ในระดับสูง ตามนโยบาย 80% ของกำไรสุทธิ ซึ่งงวดปี 55 จ่ายกว่า 100% ดังนั้นปีนี้ก็คาดว่าจะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลที่ 100% ได้ หรืออัตรา 4.6-5.09 บาท/หุ้น จาก 5.6 บาท/หุ้นในปี 55

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ในช่วง 12,070-13,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 11,278 ล้านบาท

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ยูโอบี เคย์เฮียน     ซื้อ                120.00
          บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส    ซื้อ                112.00
          บล.ทรีนีตี้             ซื้อ                110.00
          บล.เอเชีย พลัส        ซื้อ                108.00
          บล.ธนชาต            ซื้อ                105.00
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อ                100.00
          บล.เคที ซีมิโก้         ซื้อ                 98.00

น.ส.มินทรา รัตยาภาส รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน เชียร์"ซื้อ"หุ้น DTAC ด้วยเหตุผลว่า ราคาหุ้น DTAC ยัง Laggard อยู่ และปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ ADVANC จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากรายได้ non-voice และบริษัทฯก็ไม่พยายามที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง แม้ว่ายังต้องมีการลงทุนด้าน Network ใหม่ แต่ก็จะไม่ทำแบบ aggresive มาก โดยลงทุนในลักษณะทยอยเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ตั้งงบ 34,000 ล้านบาทเพื่อขยายให้ครอบคลุม 80% ของประชากรภายใน 3 ปี

นอกจากนี้ EBITDA margin ของ DTAC ในปีนี้(2556)ก็จะมีประมาณ 30-33% ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2555 ที่โดนกระทบจากการขยายการลงทุน อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2/56 ทาง DTAC เตรียมจะเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ซึ่งภายหลังเปิดให้บริการแล้วก็คาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใข้จ่ายได้มากพอควร

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ารายได้จาก non-voice ของ DTAC ในปีนี้จะมีประมาณ 17,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มี 15,174 ล้านบาท ขณะที่รายได้จาก voice ที่ปีนี้คาดว่าจะมี 44,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับกับปีที่แล้วที่มี 43,348 ล้านบาท จะเห็นว่าได้รายได้จาก non-voice จะมีการเติบโตที่ดีกว่ารายได้จาก voice

ด้านอัตราการจ่ายเงินปันผลของ DTAC ก็คาดว่าจะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลที่ 100% ได้ในปีนี้ คาดจ่าย 5.09 บาท/หุ้น ขณะที่ปี 55 จ่าย 5.6 บาท/หุ้น โดยจ่ายปันผลทุกไตรมาส ซึ่งในแง่การจ่ายปันผลของ DTAC ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 12,070 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 11,278 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมของ DTAC คาดว่าจะเติบโตประมาณ 6%

ด้านนายกวี มานิตสุภวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ผลประกอบการของ DTAC จะกลับมาเติบโตได้ดีขึ้นในปี 56 ตามรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่ประเภทเสียง(non-voice)ที่ปกติจะเติบโตประมาณ 20-30% ซึ่งปีนี้รายได้จาก non-voice คงจะเติบโตเด่นภายหลังเปิดให้บริการ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ช่วงไตรมาส 2/56

โดยเฉพาะถ้ามีการโอนลูกค้าเดิมที่ใช้บนคลื่น 1800, 850 เข้ามาใช้ 3G บนคลื่น 2.1 GHz ได้มากเท่าไร ต้นทุนของ DTAC ก็จะยิ่งลดลงมาก คาดว่าจะมีลูกค้าโอนมาใช้กันมาก เนื่องจาก 3G บนคลื่น 2.1 GHz มีประสิทธิภาพการให้บริการที่ดีกว่า เร็วกว่า ดังนั้นแนวโน้มรายได้ที่มาจาก non-voice น่าจะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า เมื่อเทียบกับรายได้ที่มาจากการให้บริการประเภทเสียง(voice)ที่น่าจะเติบโตทรงตัวที่ 3-4% เนื่องจากคนนิยมใช้บริการน้อย

นอกจากนี้ DTAC ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงด้วย โดยมีอัตราการจ่ายปันผล 80% ของกำไร และมีการจ่ายทุกไตรมาส ซึ่งปีนี้คาดว่าจะจ่ายปันผล 4.6 บาท/หุ้น ซึ่งถือว่าจ่ายปันผลได้ดี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 13,600 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 11,200 ล้านบาท

ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น DTAC ด้วยราคาเป้าหมาย 110 บาท/หุ้น ในปี 56 บริษัทตั้งงบลงทุนเบื้องต้นขั้นต่ำ 8 พันล้านบาท เน้นการขยายโครงข่าย 3G บน license ใหม่เป็นหลัก และตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 2/56 มุ่งเน้นในพื้นที่ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นและมีกำลังในการใช้บริการ 3G ก่อน (โดยเฉพาะใน กทม. และหัวเมืองใหญ่)

ทั้งนี้ บริษัทอาจปรับเม็ดเงินลงทุนข้างต้นให้สูงขึ้น เพื่อสอดคล้องกับอัตราการใช้มือถือที่รองรับคลื่น 2.1 GHz ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เชื่อว่าแผนการลงทุนที่ยืดหยุ่นดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเพิ่มต้นทุน แต่ไม่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนค่าส่วนแบ่งที่ลดลงอย่างเต็มที่ เพราะหากลูกค้าส่วนใหญ่ยังมีอุปกรณ์ไม่รองรับคลื่น 2.1 GHz ก็จะต้องโรมมิ่งกับคลื่นบนสัมปทานเดิม ซึ่งบริษัทยังคงมีต้นทุนค่าส่วนแบ่งค่าบริการในอัตราเท่าเดิมที่ 30% ของรายได้

สำหรับอุตสาหกรรมการให้บริการมือถือยังคงมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง ตามอุปสงค์การใช้อินเทอร์เน็ตมือถือที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับฐานลูกค้าของ DTAC ยังมีอัตราการใช้ 3G และอัตราการใช้สมาร์ทโฟนอยู่ในระดับต่ำเพียง 9% และ 22.6% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดรายได้จาก Non-Voice และรายได้จากการขายมือโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนจะเป็นแรงผลักดันให้กำไรเติบโต 16% YoY ในปี 56 ส่วนผลประโยชน์จากต้นทุนค่าส่วนแบ่งที่ลดลงนั้น เชื่อว่าจะช่วยหนุนกำไรให้เติบโตอย่างมีนัยฯ ตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป หลังลูกค้ามาบนโครงข่ายใหม่ที่มีอุปกรณ์รองรับคลื่น 2.1 GHz เพิ่มมากขึ้น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 13,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 11,278 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ