ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 83.86 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 14,539.14 จุด ซึ่งทำสถิติสูงสุดติดต่อกัน 8 วันทำการ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 8.71 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 1,563.23 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 13.81 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 3,258.93 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันยาวนานถึง 10 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐในไตรมาส 4/2555 ลดลง 1.8% มาอยู่ที่ระดับ 1.1042 แสนล้านดอลลาร์ ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.128 แสนล้านดอลลาร์
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 มี.ค.ปรับตัวลง 10,000 ราย แตะที่ 332,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์ และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 350,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับตัวลง 2,750 ราย มาอยู่ที่ระดับ 346,750 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระยะฟื้นตัว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่ารัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้ โดยสามารถจำหน่ายได้ทั้งสิ้น 803 ล้านยูโร ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งส่งสัญญาณว่าต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนปรับตัวลดลงด้วย
ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ความผันผวนในตลาดลดน้อยลง โดยดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11.30 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี
หุ้นอาเมซอนร่วงลง 3.40% หลังจากเจพีมอร์แกนปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ "neutral" จากระดับ "overweight"
หุ้นอีเบย์ดีดตัวขึ้น 1.61% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์ พาร์ทเนอร์ส ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอีเบย์ขึ้นสู่ระดับ "overweight" จากระดับ "equal weight"
ส่วนหุ้นแอปเปิลขยับขึ้น 0.97% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีทีจีไอได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิลขึ้นสู่ระดับ "buy" จากระดับ "neutral"
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 1.4% และหุ้น Chesapeake Energy พุ่งขึ้น 5.2%