ขณะเดียวกันจะเร่งออกผลิตภัณฑ์ประเภทตราสารอนุพันธ์ต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามีสินค้าให้เลือกลงทุนหลายหลาย ควบคู่ไปกับการเร่งรุกขยายงานด้านวาณิชธนกิจ โดยเพิ่มปริมาณหุ้นไอพีโอ(IPO) ให้มากขึ้น ปัจจุบันธุรกิจสายงานวาณิชธนกิจมีอยู่ทั้งหมดประมาน 10 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายภายในปีนี้จำนวน 6-8 บริษัท โดยในปีนี้บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนแผนงานของธุรกิจ โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการแบ่งออกเป็น 3 ทีม เพื่อที่จะหาลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแบ่งรายได้ในรูปแบบ Profit Sharing คือการแบ่งผลประโยชน์กันจากค่าธรรมเนียมหักค่าใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลให้มีความเป็นทีมงานที่มีศักยภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันคาดว่าจะช่วยให้ธุรกิจสายงานวาณิชธนกิจกลับมาคึกคักมากขึ้น และคาดว่าในปีนี้ CGS จะสามารถสร้างผลประกอบการทั้งด้านรายได้และกำไรให้ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2555 ที่ผ่านมาได้ในระดับที่ดีต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ในปีนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้ที่จะเติบโตประมาณ 10% จากปี 55 ซึ่งในช่วงประมาน 3 เดือนแรกของปี 56 นี้ บริษัทฯ คาดว่ารายได้ทะลุเป้าหมายแล้ว เนื่องจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยเติบโตมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท/วัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่เฉลี่ยประมาน 3 หมื่นล้านบาท/วัน ส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 56 นี้จะทำจุดสูงสุด
อีกทั้งปีนี้ CGS ได้วางเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้อยู่ในอันดับ TOP5 โดยได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้แบบครบวงจรขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นในเรื่องของการให้บริการลูกค้าทั้งในด้านของงานวิจัยหลักทรัพย์ และพัฒนางานด้านระบบไอทีให้มีความรวดเร็วและทันสมัย ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ครอบคลุมและค้นหาง่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านปัจจัยพื้นฐานและด้านเทคนิค ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาศักยภาพของทีมมาร์เก็ตติ้งไปพร้อมๆ กันด้วย
สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2556 บล.คันทรี่ กรุ๊ป ประเมินว่าการลงทุนจะยังคงคึกคักต่อเนื่องจากปี 2555 เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังอยู่ในระดับสูง เพราะได้รับอานิสงส์มาจากโครงการสาธารณูปโภคภาครัฐด้านงานก่อสร้าง การประกอบธุรกิจ 3G การขยายตัวด้านพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งการเตรียมตัวสำหรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียน AEC จะทำให้ประเทศไทยได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายดัชนีคาดว่าจะปรับตัวได้ถึงระดับ 1,680 จุด
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยจะมากกว่าปี 2555 เนื่องจากฐานของทุนจดทะเบียนที่ใหญ่ขึ้น การเพิ่มปริมาณบริษัทจดทะเบียนกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งการส่งเสริมด้านการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์จะทำให้มีนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น