นอกจากนี้ เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการการให้บริการ NGV ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้ก๊าซ NGV สูงถึงร้อยละ 45 ของปริมาณการใช้ก๊าซทั่วประเทศ โดยเปิดสถานีบริการ NGV ใหม่ในพื้นที่ที่มีปัญหารอคิวเติมก๊าซ จำนวน 7 แห่งและเพิ่มหัวจ่ายเติมก๊าซในสถานีบริการ จำนวน 2 แห่ง, จัดสรรก๊าซพร้อมจัดหารถขนส่งก๊าซเพิ่มขึ้นให้กับสถานีบริการ NGV และรณรงค์ขอความร่วมมือให้ผู้ใช้รถ NGV ทั่วไป หลีกเลี่ยงการเติมก๊าซในช่วงเวลาเร่งด่วนของกลุ่มรถแท็กซี่รับจ้างสาธารณะเพื่อความสะดวกของผู้ใช้ทุกกลุ่มร่วมกัน
นายวิชัย พรกีรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ กล่าวว่า ในปี 56 ปตท.ใข้งบลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบลงทุนของบริษัท โดยจะนำไปใช้ในการเพิ่มกำลังการจ่ายก๊าซ NGV ในปีนี้ และเพิ่มสถานีบริการ NGV ใหม่ 7 แห่ง รวมทั้งเพิ่มหัวจ่ายเติมก๊าซในสถานีเดิมจำนวน 2 แห่ง
รวมทั้ง ปตท.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งลงทุนธุรกิจ NGV แบบครบวงจรเป็นของตนเอง ตั้งแต่การเชื่อมต่อท่อส่งก๊าซ จัดทำสถานีหลักจ่ายก๊าซ ระบบขนส่งก๊าซ และสถานีเติมก๊าซ โดยปตท.กำหนดจุดซื้อขายก๊าซ NGV ณ แนวท่องส่งก๊าซด้วยคุณภาพก๊าซสูง หรือพรี่เมียมเกรด และคิดราคาจำหน่ายตามค่าความความพร้อมของก๊าซซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งมีก๊าซเติมเพียงพอ ไม่ต้องรอคิวเติมก๊าซที่สถานีบริการ และยังส่งผลให้สถานีบริการทั่วไปมีก๊าซให้บริการแก่ผู้ใช้รถ NGV ทั่วไปเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการสนใจติดต่อแล้ว 3-4 ราย หรือคิดเป็นประมาณ 100 ตัน/วัน
สำหรับผลการดำเนินงานธุรกิจ NGV ในปี 55 นายไพรินทร์ กล่าวว่า ปตท.ได้ขยายกำลังการจ่ายของสถานีหลักเพิ่มเป็น 5,265 ตันต่อวัน และเพิ่มจำนวนสถานีบริการ NGV เป็น 483 แห่ง ครอบคลุม 54 จังหวัดทั่วประเทศ และในปี 55 มีจำนวนรถ NGV เพิ่มขึ้น 74,300 คัน (เพิ่มขึ้น 25%) ทำให้มีจำนวนรถ NGV เป็น 374,850 คันด้วยปริมาณการใช้ก๊าซ NGV ถึง 8,000 ตันต่อวัน และคาดวปี 56 ปริมาณการใช้ก๊าซ NGV จะเพิ่มเป็น 9,000 ตันต่อวัน โดยคาดว่าจะมีจำนวนรถที่ใช้ NGV เพิ่มขึ้น 25% จากปี 55
สาเหตุที่ทำให้มีปริมาณการใช้ NGV เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาก๊าซ NGV ที่ขายในปัจจุบัน 10.50 บาท/กก. เป็นราคาต่ำกว่า 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับราคาเบนซิน จึงทำให้มีจำนวนรถที่หันมาใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นทุกปี ส่งผลให้ ปตท.ต้องแบกรับภาระขาดทุนมากขึ้น คาดว่าปี 56 จะมีผลขาดทุนจากธุรกิจ NGV ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี 47 มีจำนวน 6.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในปี 57 จะมีผลขาดทุนสะสมไปถึง 1 แสนล้านบาท
"ถ้ายิ่งมีคนใช้ NGV มาก กำไรของปตท.ก็มีโอกาสถดถอยมากเพราะเราต้องแบกรับภาระ NGV ตามนโยบายภาครัฐ ...ตอนนี้เราวิ่งไล่ปัญหา ปัญหาไม่ใช่มีไม่พอ ผมเชื่อว่า ภาครัฐพยายามแก้ปัญหาอยู่ "นายไพรินทร์ กล่าว
นายไพรินทร์ กล่าวว่า ตนกังวลว่า กลุ่มผู้ใช้รถตามบ้านจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเพราะราคาก๊าซ NGV ต่ำกว่าเชื้อเพลิงอื่น โดยปัจจุบันกลุ่มรถบ้านมีสัดส่วนการใช้ NGV อยู่ 32% ขณะที่กลุ่มรถบรรทุกเป็นผู้ใช้รายใหญ่ สัดส่วน 49% รถขนส่งผู้โดยสาร 9% และกลุ่มรถแท็กซี่ 10%