เบื้องต้นคาดว่าประมาณเดือน พ.ค.56 จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับตัวเลขเป้าหมาย NAV ใหม่ หลังจากที่บริษัทเตรียมนำเรื่องดังกล่าวหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ หากความชัดเจนแล้วก็จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
นางสาวประภา กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 56 เติบโตขึ้นเป็น 888 ล้านบาท จากปี 55 ที่มีรายได้ 828.26 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเน้นกลยุทธ์หลักในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจากผลงานการบริหารกองทุนและผลตอบแทนประเภทกองทุน
"ปีนี้ บลจ.ได้ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 888 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งมาหรือสูงสุดในรอบ 38 ปี ซึ่งรายได้ปีนี้ดีขึ้นมาจากกลยุทธ์การทำงานที่เข้าถึงลูกค้า โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงระบบสมาร์ทเทรดให้ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว เพื่อรองรับลูกค้าที่ซื้อหน่วยลงทุนมากขึ้น จากเดิม 2,500 ราย เป็นกว่า 8,000 ราย"นางสาวประภา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งตลาดของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 56 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 จากปี 55 อยู่อันดับที่ 2 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15.48% ขณะที่ปีที่ผ่านมายังมีส่วนแบ่งตลาดของกองทุนรวมอยู่ที่ 6.64% อยู่ในอันดับ 6 กองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6.75% อยู่ในอันดับ 8 และมีส่วนแบ่งตลาดของมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 8.34%. อยู่ในอันดับ 4
นางสาวประภา กล่าวว่า บริษัทมีแผนในการออกกองทุนใหม่ในปี 56 จำนวน 28 กองทุน เป็นกองทุนตราสารหนี้ 12 กองทุน มูลค่ารวม 1.26 หมื่นล้านบาท กองทุน Target Fund 13 กองทุน มูลค่า 4.4 พันล้านบาท และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3 กองทุน มูลค่า 5.05 พันล้านบาท
ส่วนกองทุน Private Equity มีแผนจะจัดตั้งจำนวน 2 กองทุน มูลค่า 1.2 พันล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีก 1 กอง มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 17 กองทุน มูลค่า 1.42 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะระดมเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.04 หมื่นล้านบาท
"ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและบลจ.คาดว่าจะมีโอกาสได้เข้าไปบริหาร ได้แก่ บมจ.การบินไทย บมจ.กสท.โทรคมนาคม บริษัท ไปรณีย์ไทย และ บมจ.ทีโอที ซึ่งหากได้เข้าไปบริหารก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของ บลจ.ปีนี้ทะลุเป้าที่วางไว้จนทำให้ต้องเตรียมปรับเป้ามูลค่าทรัพย์สินรวมในปีนี้ขึ้น"นางสาวประภา กล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองโอกาสการได้รับสิทธิบริหารจัดการกองทุนวายุภักษ์ 2 ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง เนื่องจากบริษัทเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนวายุภักษ์ 1 มาแล้ว เชื่อว่าภาครัฐจะให้สิทธิผู้จัดการกองทุนเดิมก่อน โดยหากได้รับการบริหารกองทุนดังกล่าวจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV)ของบริษัทเพิ่มขึ้นเช่นกัน