"บริษัทจดทะเบียนปีนี้มี growth ที่ดีและการขยายงานต่างมีความเป็นไปได้ โดยในปีนี้มีนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลเป็นส่วนสนับสนุนการที่บริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มได้รับงาน ประกอบกับกระจายตัวของศูนย์การค้าไปตามต่างจังหวัดมากขึ้น อย่างเช่น เซ็นทรัล โรบินสัน เพื่อรองรับการขยายตัวของประชากรไปตามภูมิภาคต่างๆ"
อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มี Fund Flow ไหลเข้า ด้านปัจจัยต่างประเทศมาตรการ QE ของสหรัฐยังจะมีต่อไปแม้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)อยากยกเลิกเร็วขึ้น ส่วนมาตรการ QE ของญี่ปุนส่งผลกระทบที่ดีต่อกลุ่มประเทศในแถบอาเซียน ส่วนสถานการณ์ต่างๆในยุโรปยังคงทรงตัวอยู่
สำหรับหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจยังเป็นกลุ่มเฮลท์แคร์ อุปโภคบริโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ยังได้รับผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับลด
ด้านมุมมองต่อตลาดตราสารหนี้ นางพัณณรัชต์ กล่าวว่า ตราสารหนี้ระยะสั้นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าและผลตอบแทนมีความผันผวนน้อยกว่าตราสารหนี้ระยะยาว จากการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 56 เพิ่มขึ้นเป็น 4.9% ส่วนนโยบายอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังไม่สูงขึ้นมาก ทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นมีความเสี่ยงไม่มากและผลตอบแทนไม่ผันผวนมาก
ขณะที่ตราสารหนี้ระยาว อายุ 3-5 ปีขึ้นไปยังมีความเสี่ยงมากจากแผนการกู้เงินทำโครงการเมกะโปรเจ็คต์และโครงการจัดการน้ำของภาครัฐ ซึ่งไม่สามารถทราบจำนวนเงินที่รัฐจะกู้ในแต่ละไตรมาส ประกอบกับไม่สามารถทราบการประมูลงานของภาครัฐในแต่ละสัปดาห์ ทำให้มีความไม่แน่นอนและเกิดความกังวลขึ้นในการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาว ส่งผลต่อผลตอบแทนมีความผันผวนค่อนข้างมาก