พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้ตั้งเป้าการซื้อน้ำมันดิบในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านบาร์เรล เพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ซื้อมาแล้วทั้งสิ้น 3.5 ล้านบาร์เรล
สำหรับแผนลงทุนในปีนี้จะมีการขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นที่ประเทศมาเลเซียเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 30,000 บาร์เรล/วัน จากเดิม 25,000 บาร์เรล/วัน หรือเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 20% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/56 และเริ่มผลิตได้เต็มที่ต้นปี 57 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 90% แล้ว จึงจำเป็นต้องมีการขยายเพิ่มเพื่อรองรับปริมาณความต้องการในอนาคต
นอกจากนั้น ยังมีแผนปรับปรุงระบบพลังงานในโรงกลั่นจากการใช้น้ำมันเตาเป็นแก๊สธรรมชาติ ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย.จะเริ่มดำเนินการระบบการผลิตเป็นรูปแบบการใช้แก๊สธรรมชาติ ซึ่งการใช้แก๊สธรรมชาติจะช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลงประมาณ 0.50-0.80 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกทั้งจะมีการซื้อที่ดิน สร้างถังเก็บน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
รวมทั้งซื้อเรือใหม่เพื่อใช้บรรทุกน้ำมันดิบ โดยใช้เงินลงทุนราว 550 ล้านบาท และก่อนหน้านี้บริษัทได้สั่งต่อเรือขนาดบรรทุก 4,000 เดทเวทตันสำหรับบรรทุกยางมะตอย ใช้วงเงินกู้จากธนาคารยูโอบีประเทศมาเลเซียราว 80% ของมูลค่าเรือ โดยได้สั่งไปเมื่อเดือน พ.ย. 55 และคาดว่าจะได้รับมอบเรือในช่วงปี 57
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/56 คาดว่ายอดขายทรงตัว เนื่องจากจีนยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่ตั้งแต่เดือน เม.ย.56 เป็นต้นไป คาดว่าจะเริ่มรับรู้ยอดขายจากจีนเข้ามาเพิ่มขึ้นมาก
ด้านราคาซื้อขายยางมะตอยในตลาดในประเทศและต่างประเทศขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ เนื่องจากในช่วงต้นปีประเทศจีนยังอยูในช่วงฤดูหนาว ทำให้ไม่มีการก่อสร้างต่าง ๆ แต่ราคาซื้อขายยางมะตอยจะมีการขยับขึ้นเมื่อพ้นฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูทำงาน คาดว่าจะมีการก่อสร้างถนนในจีนเพิ่มขึ้น ทำให้มีดีมานเพิ่มขึ้นและราคาก็จะเริ่มขยับขึ้น